ยื่นศาลรธน.ล้มร่างพ.ร.บ.ร่วมทุน
40 สว.จับมือ ปชป. ชงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างพ.ร.บ.ร่วมทุน ขัดรธน. ชี้ เอื้อนักการเมืองหาผลประโยชน์ รับลูกเงินกู้ 2 ล้านล้าน
นายไพบูลย์ นิติตะวัน สว.สรรหา นายวิรัตน์ กัลยาศิริ สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ยื่นรายชื่อสมาชิกรัฐสภา จำนวน 76 คน แบ่งเป็นสว.42 คน และ สส.ปชป.35 คน ต่อนายสมศักดิ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เพื่อให้ส่งความเห็นต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 154 ว่าร่างพ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ... (พ.ร.บ.ร่วมทุน)มีข้อความขัดแย้งรัฐธรรมนูญหรือไม่
ทั้งนี้หนังสือที่ทั้งสส.และสว.ได้ยื่นต่อนายสมศักดิ์มีข้อความโดยสรุปว่า 1.มาตรา 28 ของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวฯ ซึ่งกำหนดให้การอนุมัติงบประมาณเพื่อดำเนินการโครงการของคณะรัฐมนตรีให้ถือเป็นการอนุมัติตามกฎหมายว่าด้วยวิธีงบประมาณ กฎหมายว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี เป็นบทบัญญัติที่ขัดรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 169 ที่บัญญัติว่า การจ่ายเงินแผ่นดิน จะกระทำได้ก็เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยงบประมาณ กฎหมายเกี่ยวกับการโอนเงินงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง เว้นแต่ในกรณีจำเป็นเร่งด่วนรัฐบาลจะจ่ายไปก่อนได้ แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีที่กฎหมายบัญญัติ
2.ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ได้มีผลให้ยกเลิกพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินงานกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 ทั้งฉบับโดยเฉพาะมาตรา15 ที่บัญญัติว่าวิธีการคัดเลือกของคณะกรรมการซึ่งจะต้องใช้วิธีประมูลได้ถูกยกเลิกไปด้วย ทั้งที่เป็นสาระสำคัญของกฎหมายเพื่อให้การดำเนินการด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้ การยกเลิกนี้พ.ร.บ.ดังกล่าว จะทำให้การคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมโครงการขาดความโปร่งใส ขัดต่อการบริหารบ้านเมือง
3. ร่างพ.ร.บ.ทั้งฉบับมีระบุเพียงให้รับฟังความเห็นสาธารณะชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 87(1)(2) และ (3) ที่ลงรายละเอียดในขั้นตอนการสำรวจความเห็นประชาชนที่ต้องทำตั้งแต่ระดับท้องถิ่น นอกจากขัดรัฐธรรมนูญแล้วยังเปิดช่องให้ใช้เงินของรัฐร่วมธุรกิจกับเอกชนอย่างง่ายดาย โดยใช้วิธีคัดเลือกที่สามารถหลีกเลี่ยงไม่ต้องใช้วิธีประมูลแต่ละโครงการหลายแสนล้านบาทเพื่อเป็นการอนุมัติโครงการรองรับการใช้พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท อีกทั้งจะปิดช่องทางการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมทั้งการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ แต่จะก่อให้เกิดการหาประยชน์ของนักการเมืองและผลักภาระให้ประชาชนต้องเสี่ยงกับภาระหนี้สาธารณะ
ดังนั้น จึงเห็นว่า พ.ร.บ.ร่วมทุน ในมาตรา 28 ,38 และหมวดที่ 3 มาตรา 19, 20, 21 และ 22 ตราขึ้น โดยไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 75 วรรคแรก ประกอบมาตรา 78(4)(5) มาตรา 84(11) มาตรา 87(1)(2) และ (3) และมาตรา 169
นายไพบูลย์ กล่าวว่า เชื่อว่านายสมศักดิ์ จะเร่งส่งหนังสือดังกล่าวให้กับศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากที่มีการตรวจสอบตามขั้นตอนที่แล้วเสร็จแล้ว ทั้งนี้ตนเชื่อว่าแม้ว่านายสมศักดิ์จะเป็นคนของรัฐบาล และการส่งให้ตีความร่าง พ.ร.บ.เอกชนร่วมทุนฯ จะเป็นสิ่งที่ทำให้การบังคับใช้ ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท มีปัญหาในอนาคต เพราะขาดเครื่องมือในการนำไปปฏิบัติ และเกิดความล่าช้า แต่โดยรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ชัดเจนจะทำให้นายสมศักดิ์ส่งเรื่องไปทันที
ขอบคุณ http://www.posttoday.com/การเมือง/212947/ยื่นศาลรธน-ล้มร่างพ-ร-บ-ร่วมทุน
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
40 สว.จับมือ ปชป. ชงศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่างพ.ร.บ.ร่วมทุน ขัดรธน. ชี้ เอื้อนักการเมืองหาผลประโยชน์ รับลูกเงินกู้ 2 ล้านล้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน สว.สรรหา นายวิรัตน์ กัลยาศิริ สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ยื่นรายชื่อสมาชิกรัฐสภา จำนวน 76 คน แบ่งเป็นสว.42 คน และ สส.ปชป.35 คน ต่อนายสมศักดิ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา เพื่อให้ส่งความเห็นต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 154 ว่าร่างพ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ... (พ.ร.บ.ร่วมทุน)มีข้อความขัดแย้งรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทั้งนี้หนังสือที่ทั้งสส.และสว.ได้ยื่นต่อนายสมศักดิ์มีข้อความโดยสรุปว่า 1.มาตรา 28 ของร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวฯ ซึ่งกำหนดให้การอนุมัติงบประมาณเพื่อดำเนินการโครงการของคณะรัฐมนตรีให้ถือเป็นการอนุมัติตามกฎหมายว่าด้วยวิธีงบประมาณ กฎหมายว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือกฎหมายว่าด้วยการบริหารหนี้สาธารณะในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้วแต่กรณี เป็นบทบัญญัติที่ขัดรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 169 ที่บัญญัติว่า การจ่ายเงินแผ่นดิน จะกระทำได้ก็เฉพาะที่ได้อนุญาตไว้ในกฎหมายว่าด้วยงบประมาณรายจ่าย กฎหมายว่าด้วยงบประมาณ กฎหมายเกี่ยวกับการโอนเงินงบประมาณ หรือกฎหมายว่าด้วยเงินคงคลัง เว้นแต่ในกรณีจำเป็นเร่งด่วนรัฐบาลจะจ่ายไปก่อนได้ แต่ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีที่กฎหมายบัญญัติ 2.ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว ได้มีผลให้ยกเลิกพ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินงานกิจการของรัฐ พ.ศ.2535 ทั้งฉบับโดยเฉพาะมาตรา15 ที่บัญญัติว่าวิธีการคัดเลือกของคณะกรรมการซึ่งจะต้องใช้วิธีประมูลได้ถูกยกเลิกไปด้วย ทั้งที่เป็นสาระสำคัญของกฎหมายเพื่อให้การดำเนินการด้วยความโปร่งใสตรวจสอบได้ การยกเลิกนี้พ.ร.บ.ดังกล่าว จะทำให้การคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมโครงการขาดความโปร่งใส ขัดต่อการบริหารบ้านเมือง 3. ร่างพ.ร.บ.ทั้งฉบับมีระบุเพียงให้รับฟังความเห็นสาธารณะชนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ มาตรา 87(1)(2) และ (3) ที่ลงรายละเอียดในขั้นตอนการสำรวจความเห็นประชาชนที่ต้องทำตั้งแต่ระดับท้องถิ่น นอกจากขัดรัฐธรรมนูญแล้วยังเปิดช่องให้ใช้เงินของรัฐร่วมธุรกิจกับเอกชนอย่างง่ายดาย โดยใช้วิธีคัดเลือกที่สามารถหลีกเลี่ยงไม่ต้องใช้วิธีประมูลแต่ละโครงการหลายแสนล้านบาทเพื่อเป็นการอนุมัติโครงการรองรับการใช้พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท อีกทั้งจะปิดช่องทางการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมทั้งการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ แต่จะก่อให้เกิดการหาประยชน์ของนักการเมืองและผลักภาระให้ประชาชนต้องเสี่ยงกับภาระหนี้สาธารณะ ดังนั้น จึงเห็นว่า พ.ร.บ.ร่วมทุน ในมาตรา 28 ,38 และหมวดที่ 3 มาตรา 19, 20, 21 และ 22 ตราขึ้น โดยไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ ปี 2550 มาตรา 75 วรรคแรก ประกอบมาตรา 78(4)(5) มาตรา 84(11) มาตรา 87(1)(2) และ (3) และมาตรา 169 นายไพบูลย์ กล่าวว่า เชื่อว่านายสมศักดิ์ จะเร่งส่งหนังสือดังกล่าวให้กับศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากที่มีการตรวจสอบตามขั้นตอนที่แล้วเสร็จแล้ว ทั้งนี้ตนเชื่อว่าแม้ว่านายสมศักดิ์จะเป็นคนของรัฐบาล และการส่งให้ตีความร่าง พ.ร.บ.เอกชนร่วมทุนฯ จะเป็นสิ่งที่ทำให้การบังคับใช้ ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท มีปัญหาในอนาคต เพราะขาดเครื่องมือในการนำไปปฏิบัติ และเกิดความล่าช้า แต่โดยรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ชัดเจนจะทำให้นายสมศักดิ์ส่งเรื่องไปทันที ขอบคุณ http://www.posttoday.com/การเมือง/212947/ยื่นศาลรธน-ล้มร่างพ-ร-บ-ร่วมทุน
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)