สันติภาพด้ามขวาน แสงสว่างปลายอุโมงค์
การลงนามเจรจาสันติภาพระหว่างเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่ง ชาติ (สมช.) ตัวแทนรัฐไทยกับหัวหน้าประสานงานต่างประเทศขบวนการบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเน็ท เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เรื้อรังมายาวนาน แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการลงนามที่ไม่มีกรอบการเจรจา และเจรจากับแกนนำบีอาร์เอ็นผิดตัว เท่ากับเติมเชื้อไฟสถานการณ์ภาคใต้ให้รุนแรงขึ้นอีก
จากนี้ไป สถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเป็นอย่างไร พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. ให้ความมั่นใจว่า ขณะนี้การแก้ไขปัญหาเดินตามนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2555-2557 ของ สมช. ซึ่งเกิดจากกระบวนความคิดภาคประชาชนทุกฝ่ายตกผลึกร่วมกัน เป็นคัมภีร์แก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว
โดยเฉพาะตามแผนยุทธศาสตร์ของ สมช.กำหนดให้เปิดพื้นที่ส่งเสริมกระบวนการพูดคุยกับกลุ่มบุคคลที่มีความเห็น มีอุดมการณ์ที่แตกต่างจากรัฐที่เลือกใช้ความรุนแรงต่อสู้กับรัฐ และร่วมมือกับต่างประเทศสนับสนุนกระบวนการดังกล่าว เพื่อแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งภายใต้รัฐธรรมนูญและตามหลักสากลที่ได้รับ การยอมรับ ไม่ใช่เงื่อนไขนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน
นโยบายนี้นายก รัฐมนตรี (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) และนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย หยิบยกขึ้นมาหารือได้ข้อสรุปให้ สมช.ทั้ง 2 ฝ่ายอำนวยการให้มันเดินไปได้ โดยในเชิงการปฏิบัติตำรวจสันติบาลมาเลเซียเข้าไปจัดการแสวงหาตัวบุคคลใน กลุ่มบีอาร์เอ็นมาพูดคุย ก็ได้ตัว “ฮาซัน ตอยิบ” ตามที่สมัชชาบีอาร์เอ็นมีมติ 4 ต่อ 3 ให้เป็นตัวแทนเปิดเจรจากับรัฐไทยภายใต้กติกาต้องเจรจาลับ
“ฮาซัน ตอยิบ” เป็นระดับแกนนำทางความคิดเบอร์ 3 ของกลุ่ม มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าประสานงานต่างประเทศของขบวนการบีอาร์เอ็น และรองเลขาธิการขบวนการบีอาร์เอ็น คนนี้ไม่ธรรมดา เป็นตัวจริงแน่นอนตามที่หน่วยความมั่นคงของไทยและมาเลเซียยืนยันไว้ กลุ่มบีอาร์เอ็นเป็นกลุ่มหลักที่ก่อปัญหาในพื้นที่ ส่วนกลุ่มพูโลเป็นกลุ่มขบวนการทางความคิด เป็นตำนานในอดีต ไม่เหมือนกลุ่มบีอาร์เอ็นมีกองกำลัง “อาร์เคเค”
และยังมีกลุ่มกอง กำลังแยกออกไป กลุ่มหลังๆเข้มแข็งและกำลังมาแรงหลังถูกปลูกฝังซ้ำทางอุดมการณ์ตั้งแต่อายุ 10 ปีกว่า มาถึงวันนี้อายุ 20 ปีกว่า ปัจจุบันกองกำลังของแนวร่วมมีจำนวนหลักหมื่น แต่ที่มีประสิทธิภาพแค่ 3–4 พันคน และต้องยอมรับกลุ่มบีอาร์เอ็น มีกองกำลังในพื้นที่มากที่สุด โดยชุดปฏิบัติการอาร์เคเค แบ่งกองกำลังออกเป็นกองร้อย กระจายในพื้นที่ 3 จังหวัด ทำให้ควบคุมได้ยาก
ปัจจัยหลักที่กลุ่มบีอาร์เอ็นยอมเปิด เจรจา อาทิ 1.ประชาชนในพื้นที่พร้อมเป็นคนรัฐไทย ไม่ประสงค์ร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่ต้องการให้มีส่วนร่วมบริหารท้องถิ่น โดยอาจจะเป็นไปตามกฎหมายท้องถิ่นหรือมีกฎหมายการปกครองเขตพิเศษเหมือนเมือง พัทยา อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ
2.มาเลเซียส่งสัญญาณที่ดีร่วมมือกับไทย แก้ไขปัญหานี้ เหมือนบีบกลุ่มบีอาร์เอ็น ไม่ให้ก่อเหตุ เพราะการก่อเหตุจะสัมฤทธิผลได้เมื่อผู้ลงมือปฏิบัติสามารถหนีการไล่ล่าเข้า มาเลเซียได้ 3.มาเลเซียต้องการชิงการนำประเทศในประชาคมอาเซียน
เป็น ไปตามยุทธศาสตร์ร่วม 2 ประเทศในภาพรวมด้านเศรษฐกิจ อาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด การฟอกเงิน สิ่งเหล่านี้สัมพันธ์กันหมด และการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนมีกรอบชัดเจนบังคับให้แก้ไขปัญหาพื้นที่ความขัด แย้ง หากเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้วไทยยังใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะทำให้ประชาคมอาเซียนไม่แข็งแรง ไม่มีพลังต่อรองกับกลุ่มประเทศต่างๆในโลก เช่น สภาพยุโรป หรืออียู
ฉะนั้น เมื่อลงนามเจรจากับแกนนำบีอาร์เอ็นแล้วมันมีโอกาสพัฒนาการ สร้างบรรยากาศความไว้ใจซึ่งกันและกัน เริ่มสื่อสารกันมากขึ้นและยกระดับความไว้วางใจทีละนิด เมื่อเราพูดคุยกับองค์กรนำทางความคิดของบีอาร์เอ็นก็จะส่งสัญญาณไปที่ผู้ ปฏิบัติ แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่แกนนำ
แนวคิดจะไปพูดคุยให้กลุ่มผู้ปฏิบัติให้เข้าใจ จะต้องใช้เวลาการสื่อสารพอสมควรเพราะ เหตุในพื้นที่เกิดจาก 3 ปัจจัย คือ 1.กลุ่มขบวนการ 2.กลุ่มต่างๆที่สำคัญยังไม่เปิดการพูดคุย เมื่อเริ่มพูดคุยจะมีข้อตกลงตามมา จะส่งสัญญาณไปกองกำลังหน่วยต่างๆในพื้นที่ เชื่อว่าส่วนใหญ่จะลดโทนก่อเหตุรุนแรงลง แต่กองกำลังมีหลายหน่วยอาจมีบางหน่วยที่ดื้ออยู่บ้าง 2 กลุ่มแรกก่อปัญหาในพื้นที่ 60% ที่เหลืออีก 40% เกิดจากกลุ่มที่ 3.ภัยแทรกซ้อนที่รวมในทุกมิติ ทั้งจากความขัดแย้งของนักการเมือง ผู้มีอิทธิพล ยาเสพติด ค้าของเถื่อน น้ำมันเถื่อน
โดยเฉพาะน้ำมัน เถื่อนมูลค่า 100 ล้านบาทต่อเดือน ขบวนการนี้ใช้กฎหมายฟอกเงินเข้าไปจัดการก็หยุดไม่ได้ เพราะเปลี่ยนวิธีการจ่ายเงินจากเดิมผ่านระบบ เป็นจับเงินสดยัดใส่กระสอบโยนลงบนเรือแลกกับน้ำมันไปเลย ภัยแทรกซ้อนทุกมิติสมประโยชน์กัน นักการเมืองท้องถิ่น นักการเมืองระดับชาติก็สัมพันธ์กันหมด รู้ๆกันอยู่ว่าใครเป็นใคร แต่ไม่มีใบเสร็จเอาผิดได้ เจ้าหน้าที่บางส่วนซึ่งเป็นส่วนน้อยที่รับค่าต๋งจากขบวนการนี้ก็เอาหูไปนา เอาตาไปไร่
ขณะเดียวกันกองกำลังของขบวนการมีหลายระดับ กองกำลังระดับสัพเพเหระอ่อนแอสุด ถูกกลุ่มภัยแทรกซ้อนเอากองกำลังพวกนี้ไปใช้ประโยชน์ ว่าจ้างราคาเท่าไหร่ก็พร้อมจะไปทำ มันสมประโยชน์กันที่ในพื้นที่มีปัญหาขบวนการผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่จะต้องไปจมปลักอยู่กับฝ่ายขบวนการ เปิดช่องว่างให้ทำผิดกฎหมายได้ง่าย ภัยแทรกซ้อนจะเป็นตัวแปรแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยากพอสมควร
ปัญหานี้จะแก้ไขได้ต้องทำควบคู่กัน 3 วง คือ 1.หน่วยงานต่างๆในพื้นที่ของไทยต้องมีเอกภาพในการจัดการ 2.ความร่วมมือระหว่างประเทศกับมาเลเซีย และ 3.ประเทศมุสลิม ซึ่งมีอิทธิพลในองค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) ทั้ง 3 วงต้องทำไปพร้อมๆกัน แต่ที่สำคัญคือความร่วมมือกับมาเลเซีย ที่จะบีบให้กลุ่มบีอาร์เอ็นหันกลับมาเจรจากับรัฐไทย
การเจรจาหลังทำ ข้อตกลงร่วมกับกลุ่มบีอาร์เอ็นจะเกิดขึ้นอีกครั้งวันที่ 28 มี.ค. ที่มาเลเซีย เพื่อกำหนดรายละเอียดกรอบข้อตกลง รายชื่อแต่ละฝ่ายจะส่งให้ดูกันก่อนว่ามีใครบ้าง จะต้องดูว่ามีรายชื่อของ “สะแปอิง บาซอ” และ “มะแซ อุเซ็ง” แกนนำบีอาร์เอ็นหรือไม่ และการเจรจากับกลุ่มอื่นๆจะต้องรอผลการเจรจาในวันที่ 28 มี.ค.ก่อน
หลาย ฝ่ายสงสัยปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะจบบนโต๊ะเจรจาหรือไม่ “ภราดร” ชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์สู้รบทั่วโลกล้วนเดินคู่ขนานไปกับการเจรจา และจบลงด้วยการเจรจา ดังนั้นเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ต้องจบลงด้วยการเจรจา เชื่อว่าจะดำเนินการแก้ไขปัญหาได้เร็วกว่าในอดีต เพราะมีตัวอย่างการแก้ปัญหาจากต่างประเทศให้เป็นแบบเรียนรัดแก้ไขปัญหา
และ ช่องทางตามมาตรา 21 พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร ก็เปิดพื้นที่ให้คนในขบวนการที่ถูกหมายจับไม่ต้องเข้าไปติดคุก ไม่ต้องกลัวอำนาจมืด ให้เข้ามามอบตัว รัฐไทยยืนยันพร้อมให้ความเป็นธรรมตามหลักนิติรัฐ
จัดตั้งรัฐปัตตานี เป้าหมายสุดท้ายของขบวนการแบ่งแยกดินแดนตามแผนบันไดขั้นที่ 7 และขณะนี้สถานการณ์อยู่ในขั้นบันไดที่ 6 จุดดอกไม้ไฟเตรียมการปฏิวัติ หลังการบันทึกเจรจาสันติภาพสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป เลขาธิการ สมช.บอกด้วยความมั่นใจว่า “ต้องค่อยๆเป็นไปตามขั้นตอน...
...ขณะนี้สถานการณ์เหมือนจะหยุดนิ่ง ซอยเท้าอยู่กับที่ เริ่มนับถอยหลังสู่ภาวะปกติ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนเริ่มไม่แข็งแรง การส่งกำลังบำรุงเริ่มมีปัญหา ไม่ค่อยมีสปอนเซอร์สนับสนุน สิ่งที่สำคัญเมื่อมาเลเซียส่งสัญญาณไม่เอาด้วยมันเดินลำบาก ถ้ามาเลเซียกับไทยเต็มที่ อินโดนีเซียเต็มที่มันก็ไปไม่เป็น เมื่อพื้นที่เคลื่อนไหวถูกจำกัด กลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนจะหันกลับมาคุยกับรัฐไทยด้วยเหตุด้วยผล
ขั้น ตอนต่อไปเราจะเจรจากับแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นอีกหลังจากท่านทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) หารือกับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย (ซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน) ส่วนจะได้เจรจากับใคร เป็นแกนนำระดับไหนขึ้นอยู่กับกลไกของอินโดนีเซีย ที่อินโดนีเซียเหมือนเป็นต้นแบบการรบพิเศษ กองกำลังได้รับการฝึกที่ค่ายในอินโดนีเซีย ชื่อ สัญลักษณ์ของขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ใช้ในไทยเป็นชื่อแบบอินโดนีเซียทั้ง นั้น ทั้งชื่อบีอาร์เอ็น ชื่อกองกำลังอาร์เคเค”
“ทีมข่าวการเมือง” ถามว่าเป็นความฝันหรือไม่ที่สันติภาพ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะสำเร็จในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ “ภราดร” ออกตัวว่า ต้องตั้งเป็นความฝันไว้ ความสำเร็จอาจจะยังไม่ใช่ แต่มันเริ่มต้นที่จะนำไปสู่ความสำเร็จแน่นอน เดิมการแก้ไขปัญหาเหมือนเดินวนอยู่ในเขาวงกต วันนี้เปิดประตูแล้วเจอแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ในอุโมงค์มันมืดก็ค่อยๆคลำไป เดี๋ยวก็ออกจากปลายอุโมงค์ได้.ทีมข่าวการเมือง
แสดงความคิดเห็น
รายละเอียดกระทู้
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. การลงนามเจรจาสันติภาพระหว่างเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่ง ชาติ (สมช.) ตัวแทนรัฐไทยกับหัวหน้าประสานงานต่างประเทศขบวนการบีอาร์เอ็นโคออร์ดิเน็ท เพื่อแก้ปัญหาความไม่สงบ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เรื้อรังมายาวนาน แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่เห็นด้วยกับการลงนามที่ไม่มีกรอบการเจรจา และเจรจากับแกนนำบีอาร์เอ็นผิดตัว เท่ากับเติมเชื้อไฟสถานการณ์ภาคใต้ให้รุนแรงขึ้นอีก จากนี้ไป สถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะเป็นอย่างไร พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขาธิการ สมช. ให้ความมั่นใจว่า ขณะนี้การแก้ไขปัญหาเดินตามนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2555-2557 ของ สมช. ซึ่งเกิดจากกระบวนความคิดภาคประชาชนทุกฝ่ายตกผลึกร่วมกัน เป็นคัมภีร์แก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว โดยเฉพาะตามแผนยุทธศาสตร์ของ สมช.กำหนดให้เปิดพื้นที่ส่งเสริมกระบวนการพูดคุยกับกลุ่มบุคคลที่มีความเห็น มีอุดมการณ์ที่แตกต่างจากรัฐที่เลือกใช้ความรุนแรงต่อสู้กับรัฐ และร่วมมือกับต่างประเทศสนับสนุนกระบวนการดังกล่าว เพื่อแสวงหาทางออกจากความขัดแย้งภายใต้รัฐธรรมนูญและตามหลักสากลที่ได้รับ การยอมรับ ไม่ใช่เงื่อนไขนำไปสู่การแบ่งแยกดินแดน นโยบายนี้นายก รัฐมนตรี (น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) และนายนาจิบ ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย หยิบยกขึ้นมาหารือได้ข้อสรุปให้ สมช.ทั้ง 2 ฝ่ายอำนวยการให้มันเดินไปได้ โดยในเชิงการปฏิบัติตำรวจสันติบาลมาเลเซียเข้าไปจัดการแสวงหาตัวบุคคลใน กลุ่มบีอาร์เอ็นมาพูดคุย ก็ได้ตัว “ฮาซัน ตอยิบ” ตามที่สมัชชาบีอาร์เอ็นมีมติ 4 ต่อ 3 ให้เป็นตัวแทนเปิดเจรจากับรัฐไทยภายใต้กติกาต้องเจรจาลับ “ฮาซัน ตอยิบ” เป็นระดับแกนนำทางความคิดเบอร์ 3 ของกลุ่ม มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าประสานงานต่างประเทศของขบวนการบีอาร์เอ็น และรองเลขาธิการขบวนการบีอาร์เอ็น คนนี้ไม่ธรรมดา เป็นตัวจริงแน่นอนตามที่หน่วยความมั่นคงของไทยและมาเลเซียยืนยันไว้ กลุ่มบีอาร์เอ็นเป็นกลุ่มหลักที่ก่อปัญหาในพื้นที่ ส่วนกลุ่มพูโลเป็นกลุ่มขบวนการทางความคิด เป็นตำนานในอดีต ไม่เหมือนกลุ่มบีอาร์เอ็นมีกองกำลัง “อาร์เคเค” และยังมีกลุ่มกอง กำลังแยกออกไป กลุ่มหลังๆเข้มแข็งและกำลังมาแรงหลังถูกปลูกฝังซ้ำทางอุดมการณ์ตั้งแต่อายุ 10 ปีกว่า มาถึงวันนี้อายุ 20 ปีกว่า ปัจจุบันกองกำลังของแนวร่วมมีจำนวนหลักหมื่น แต่ที่มีประสิทธิภาพแค่ 3–4 พันคน และต้องยอมรับกลุ่มบีอาร์เอ็น มีกองกำลังในพื้นที่มากที่สุด โดยชุดปฏิบัติการอาร์เคเค แบ่งกองกำลังออกเป็นกองร้อย กระจายในพื้นที่ 3 จังหวัด ทำให้ควบคุมได้ยาก ปัจจัยหลักที่กลุ่มบีอาร์เอ็นยอมเปิด เจรจา อาทิ 1.ประชาชนในพื้นที่พร้อมเป็นคนรัฐไทย ไม่ประสงค์ร่วมขบวนการแบ่งแยกดินแดน แต่ต้องการให้มีส่วนร่วมบริหารท้องถิ่น โดยอาจจะเป็นไปตามกฎหมายท้องถิ่นหรือมีกฎหมายการปกครองเขตพิเศษเหมือนเมือง พัทยา อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2.มาเลเซียส่งสัญญาณที่ดีร่วมมือกับไทย แก้ไขปัญหานี้ เหมือนบีบกลุ่มบีอาร์เอ็น ไม่ให้ก่อเหตุ เพราะการก่อเหตุจะสัมฤทธิผลได้เมื่อผู้ลงมือปฏิบัติสามารถหนีการไล่ล่าเข้า มาเลเซียได้ 3.มาเลเซียต้องการชิงการนำประเทศในประชาคมอาเซียน เป็น ไปตามยุทธศาสตร์ร่วม 2 ประเทศในภาพรวมด้านเศรษฐกิจ อาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด การฟอกเงิน สิ่งเหล่านี้สัมพันธ์กันหมด และการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนมีกรอบชัดเจนบังคับให้แก้ไขปัญหาพื้นที่ความขัด แย้ง หากเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้วไทยยังใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะทำให้ประชาคมอาเซียนไม่แข็งแรง ไม่มีพลังต่อรองกับกลุ่มประเทศต่างๆในโลก เช่น สภาพยุโรป หรืออียู ฉะนั้น เมื่อลงนามเจรจากับแกนนำบีอาร์เอ็นแล้วมันมีโอกาสพัฒนาการ สร้างบรรยากาศความไว้ใจซึ่งกันและกัน เริ่มสื่อสารกันมากขึ้นและยกระดับความไว้วางใจทีละนิด เมื่อเราพูดคุยกับองค์กรนำทางความคิดของบีอาร์เอ็นก็จะส่งสัญญาณไปที่ผู้ ปฏิบัติ แม้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่แกนนำ แนวคิดจะไปพูดคุยให้กลุ่มผู้ปฏิบัติให้เข้าใจ จะต้องใช้เวลาการสื่อสารพอสมควรเพราะ เหตุในพื้นที่เกิดจาก 3 ปัจจัย คือ 1.กลุ่มขบวนการ 2.กลุ่มต่างๆที่สำคัญยังไม่เปิดการพูดคุย เมื่อเริ่มพูดคุยจะมีข้อตกลงตามมา จะส่งสัญญาณไปกองกำลังหน่วยต่างๆในพื้นที่ เชื่อว่าส่วนใหญ่จะลดโทนก่อเหตุรุนแรงลง แต่กองกำลังมีหลายหน่วยอาจมีบางหน่วยที่ดื้ออยู่บ้าง 2 กลุ่มแรกก่อปัญหาในพื้นที่ 60% ที่เหลืออีก 40% เกิดจากกลุ่มที่ 3.ภัยแทรกซ้อนที่รวมในทุกมิติ ทั้งจากความขัดแย้งของนักการเมือง ผู้มีอิทธิพล ยาเสพติด ค้าของเถื่อน น้ำมันเถื่อน โดยเฉพาะน้ำมัน เถื่อนมูลค่า 100 ล้านบาทต่อเดือน ขบวนการนี้ใช้กฎหมายฟอกเงินเข้าไปจัดการก็หยุดไม่ได้ เพราะเปลี่ยนวิธีการจ่ายเงินจากเดิมผ่านระบบ เป็นจับเงินสดยัดใส่กระสอบโยนลงบนเรือแลกกับน้ำมันไปเลย ภัยแทรกซ้อนทุกมิติสมประโยชน์กัน นักการเมืองท้องถิ่น นักการเมืองระดับชาติก็สัมพันธ์กันหมด รู้ๆกันอยู่ว่าใครเป็นใคร แต่ไม่มีใบเสร็จเอาผิดได้ เจ้าหน้าที่บางส่วนซึ่งเป็นส่วนน้อยที่รับค่าต๋งจากขบวนการนี้ก็เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ขณะเดียวกันกองกำลังของขบวนการมีหลายระดับ กองกำลังระดับสัพเพเหระอ่อนแอสุด ถูกกลุ่มภัยแทรกซ้อนเอากองกำลังพวกนี้ไปใช้ประโยชน์ ว่าจ้างราคาเท่าไหร่ก็พร้อมจะไปทำ มันสมประโยชน์กันที่ในพื้นที่มีปัญหาขบวนการผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่จะต้องไปจมปลักอยู่กับฝ่ายขบวนการ เปิดช่องว่างให้ทำผิดกฎหมายได้ง่าย ภัยแทรกซ้อนจะเป็นตัวแปรแก้ไขปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยากพอสมควร ปัญหานี้จะแก้ไขได้ต้องทำควบคู่กัน 3 วง คือ 1.หน่วยงานต่างๆในพื้นที่ของไทยต้องมีเอกภาพในการจัดการ 2.ความร่วมมือระหว่างประเทศกับมาเลเซีย และ 3.ประเทศมุสลิม ซึ่งมีอิทธิพลในองค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) ทั้ง 3 วงต้องทำไปพร้อมๆกัน แต่ที่สำคัญคือความร่วมมือกับมาเลเซีย ที่จะบีบให้กลุ่มบีอาร์เอ็นหันกลับมาเจรจากับรัฐไทย การเจรจาหลังทำ ข้อตกลงร่วมกับกลุ่มบีอาร์เอ็นจะเกิดขึ้นอีกครั้งวันที่ 28 มี.ค. ที่มาเลเซีย เพื่อกำหนดรายละเอียดกรอบข้อตกลง รายชื่อแต่ละฝ่ายจะส่งให้ดูกันก่อนว่ามีใครบ้าง จะต้องดูว่ามีรายชื่อของ “สะแปอิง บาซอ” และ “มะแซ อุเซ็ง” แกนนำบีอาร์เอ็นหรือไม่ และการเจรจากับกลุ่มอื่นๆจะต้องรอผลการเจรจาในวันที่ 28 มี.ค.ก่อน หลาย ฝ่ายสงสัยปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้จะจบบนโต๊ะเจรจาหรือไม่ “ภราดร” ชี้ให้เห็นว่าเหตุการณ์สู้รบทั่วโลกล้วนเดินคู่ขนานไปกับการเจรจา และจบลงด้วยการเจรจา ดังนั้นเหตุการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ต้องจบลงด้วยการเจรจา เชื่อว่าจะดำเนินการแก้ไขปัญหาได้เร็วกว่าในอดีต เพราะมีตัวอย่างการแก้ปัญหาจากต่างประเทศให้เป็นแบบเรียนรัดแก้ไขปัญหา และ ช่องทางตามมาตรา 21 พ.ร.บ.ความมั่นคงในราชอาณาจักร ก็เปิดพื้นที่ให้คนในขบวนการที่ถูกหมายจับไม่ต้องเข้าไปติดคุก ไม่ต้องกลัวอำนาจมืด ให้เข้ามามอบตัว รัฐไทยยืนยันพร้อมให้ความเป็นธรรมตามหลักนิติรัฐ จัดตั้งรัฐปัตตานี เป้าหมายสุดท้ายของขบวนการแบ่งแยกดินแดนตามแผนบันไดขั้นที่ 7 และขณะนี้สถานการณ์อยู่ในขั้นบันไดที่ 6 จุดดอกไม้ไฟเตรียมการปฏิวัติ หลังการบันทึกเจรจาสันติภาพสถานการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป เลขาธิการ สมช.บอกด้วยความมั่นใจว่า “ต้องค่อยๆเป็นไปตามขั้นตอน... ...ขณะนี้สถานการณ์เหมือนจะหยุดนิ่ง ซอยเท้าอยู่กับที่ เริ่มนับถอยหลังสู่ภาวะปกติ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนเริ่มไม่แข็งแรง การส่งกำลังบำรุงเริ่มมีปัญหา ไม่ค่อยมีสปอนเซอร์สนับสนุน สิ่งที่สำคัญเมื่อมาเลเซียส่งสัญญาณไม่เอาด้วยมันเดินลำบาก ถ้ามาเลเซียกับไทยเต็มที่ อินโดนีเซียเต็มที่มันก็ไปไม่เป็น เมื่อพื้นที่เคลื่อนไหวถูกจำกัด กลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดนจะหันกลับมาคุยกับรัฐไทยด้วยเหตุด้วยผล ขั้น ตอนต่อไปเราจะเจรจากับแกนนำกลุ่มบีอาร์เอ็นอีกหลังจากท่านทักษิณ (พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) หารือกับประธานาธิบดีอินโดนีเซีย (ซูซิโล บัมบัง ยูโดโยโน) ส่วนจะได้เจรจากับใคร เป็นแกนนำระดับไหนขึ้นอยู่กับกลไกของอินโดนีเซีย ที่อินโดนีเซียเหมือนเป็นต้นแบบการรบพิเศษ กองกำลังได้รับการฝึกที่ค่ายในอินโดนีเซีย ชื่อ สัญลักษณ์ของขบวนการแบ่งแยกดินแดนที่ใช้ในไทยเป็นชื่อแบบอินโดนีเซียทั้ง นั้น ทั้งชื่อบีอาร์เอ็น ชื่อกองกำลังอาร์เคเค” “ทีมข่าวการเมือง” ถามว่าเป็นความฝันหรือไม่ที่สันติภาพ 3
จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย
รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)