ก้าว​ไม่พ้นทักษิณ

แสดงความคิดเห็น

มาคุยกันเรื่องควันหลงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกันอีกสักวันครับ เพราะมีบทสัมภาษณ์ที่น่าสนใจของ "ชาญวิทย์ เกษตรศิริ" นักประวัติศาสตร์หมายเลข 1 ของประเทศไทย ตีพิมพ์ใน "ข่าวสด" ฉบับวันที่ 7 มีนาคม 2556

เป็นมุมมองเกี่ยวกับการหยิบประเด็นเผาเมือง เสียกรุง ความกลัว และความเกลียดชัง ทักษิณ ชินวัตร โดยพรรคประชาธิปัตย์ ในการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในโค้งสุดท้าย และเป็นผลให้ "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร" ชนะการเลือกตั้งไปเฉียดฉิว

อาจารย์ชาญวิทย์สรุปว่า "พูดสั้นๆ คือ ก้าวไม่พ้นทักษิณ"

"ก้าวไม่พ้นทักษิณ" เป็นวาทกรรมสาธารณะ ที่การเมืองทุกฝ่าย ประชาชนทุกกลุ่มนำไปใช้ แต่ความหมายกลับแตกต่างชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้า

ผมเชื่อว่า อาจารย์ชาญวิทย์มิใช่สาวกทักษิณ เพราะปูมหลังของอาจารย์ยากที่จะประสานเป็นเนื้อเดียวกับอดีตนายกรัฐมนตรี ที่นำหุ้นไปซุกไว้กับคนขับรถ คนใช้ เพียงแค่มิให้การก้าวสู่การเมืองขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่โดยพฤตินัย คนใช้ คนขับรถ กล้าหือกับเจ้านายแสนล้านอย่างนั้นหรือ?

เอาหละครับ ผมยอมรับด้วยความสุจริตใจว่าจนถึงวันนี้ ผมก็ข้ามทักษิณไม่พ้นสักที ทั้งที่อยากจะก้าวข้ามใจจะขาด จะได้พ้นๆ ไปเสียที

แต่จะมักง่ายเกินไปหรือไม่ หากเราก้าวข้าม "โคตรโกง" ทั้งที่มีคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแปะไว้ตรงหน้าผาก

พรรคประชาธิปัตย์อาจถนัดในการโจมตีฝ่ายตรงข้าม แต่ใช่ว่าประชาชนจะเชื่อตามไปเสียหมด พรรคการเมืองนี้เคยเกือบสูญพันธุ์ใน กทม.มาแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าคนกรุงเทพฯ ไม่ได้โง่เชื่อพรรคการเมืองไปเสียหมด

ความกลัว ความเกลียดชังในตัวทักษิณ มิใช่กระแสที่ปลุกขึ้นมาโดยไม่มีข้อเท็จจริง แต่มันเป็นสิ่งที่ "ทักษิณ" ได้แสดงให้เห็นด้วยตัวเองตลอดเวลาว่า เขาน่ากลัวแค่ไหน

อาจารย์ชาญวิทย์อาจไม่กลัว ที่ทักษิณเป็นผู้ที่จิ้มเอาว่าให้ "พงศ พัศ พงษ์เจริญ" สมัครผู้ว่าฯ กทม.

หรืออาจไม่กลัวที่ "ขวัญชัย ไพรพนา" ออกมาลากไส้ด้วยความภาคภูมิใจว่า การแต่งตั้งนายตำรวจต้องปั๊มตรายางที่อุดรฯ ก่อนส่งไปดูไบ

และไม่กลัวเลยที่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นหุ่นเชิดของนักโทษหนีคุก

สำหรับผมกลัวจริงๆ กลัวว่าหากปล่อยไว้แบบนี้ ประเทศจะถึงกาลฉิบหาย ผมจึงสมัครใจไม่ก้าวข้ามทักษิณในเวลานี้ จนกว่าทักษิณจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นอย่างผู้สำนึกผิด

แต่ยังมีคนหนึ่งที่กลัวกว่าผม เขาคนนั้นคือ "จุมพล ณ สงขลา"อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากคดีซุกหุ้น

"สาเหตุที่ผมตัดสินคดีแบบนี้ ก็เพราะผมเห็นว่าประชาชนเขาพร้อมใจกันเทคะแนนเสียงให้ไทยรักไทย 11 ล้านเสียง นี่คือเสียงสวรรค์ที่ประชาชนพร้อมใจกันเลือกทักษิณให้เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 10 กว่าคน จะมาไล่เขาลงจากตำแหน่งได้อย่างไร วันนั้นถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าทักษิณผิด ป่านนี้คุณรู้ไหมอะไรจะเกิดขึ้น ขนาดกล้านรงค์ยังต้องหลบออกประตูหลังศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไล่เขาออก ป่านนี้ศาลรัฐธรรมนูญถูกเผาตั้งแต่วันตัดสินคดีไปแล้ว ".

ขอบคุณ http://www.ryt9.com/s/tpd/1604107

ที่มา: ไทยโพสต์ ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 7 มี.ค.56
วันที่โพสต์: 7/03/2556 เวลา 03:53:47

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

มาคุยกันเรื่องควันหลงเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกันอีกสักวันครับ เพราะมีบทสัมภาษณ์ที่น่าสนใจของ "ชาญวิทย์ เกษตรศิริ" นักประวัติศาสตร์หมายเลข 1 ของประเทศไทย ตีพิมพ์ใน "ข่าวสด" ฉบับวันที่ 7 มีนาคม 2556 เป็นมุมมองเกี่ยวกับการหยิบประเด็นเผาเมือง เสียกรุง ความกลัว และความเกลียดชัง ทักษิณ ชินวัตร โดยพรรคประชาธิปัตย์ ในการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในโค้งสุดท้าย และเป็นผลให้ "ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร" ชนะการเลือกตั้งไปเฉียดฉิว อาจารย์ชาญวิทย์สรุปว่า "พูดสั้นๆ คือ ก้าวไม่พ้นทักษิณ" "ก้าวไม่พ้นทักษิณ" เป็นวาทกรรมสาธารณะ ที่การเมืองทุกฝ่าย ประชาชนทุกกลุ่มนำไปใช้ แต่ความหมายกลับแตกต่างชนิดหน้ามือเป็นหลังเท้า ผมเชื่อว่า อาจารย์ชาญวิทย์มิใช่สาวกทักษิณ เพราะปูมหลังของอาจารย์ยากที่จะประสานเป็นเนื้อเดียวกับอดีตนายกรัฐมนตรี ที่นำหุ้นไปซุกไว้กับคนขับรถ คนใช้ เพียงแค่มิให้การก้าวสู่การเมืองขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่โดยพฤตินัย คนใช้ คนขับรถ กล้าหือกับเจ้านายแสนล้านอย่างนั้นหรือ? เอาหละครับ ผมยอมรับด้วยความสุจริตใจว่าจนถึงวันนี้ ผมก็ข้ามทักษิณไม่พ้นสักที ทั้งที่อยากจะก้าวข้ามใจจะขาด จะได้พ้นๆ ไปเสียที แต่จะมักง่ายเกินไปหรือไม่ หากเราก้าวข้าม "โคตรโกง" ทั้งที่มีคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองแปะไว้ตรงหน้าผาก พรรคประชาธิปัตย์อาจถนัดในการโจมตีฝ่ายตรงข้าม แต่ใช่ว่าประชาชนจะเชื่อตามไปเสียหมด พรรคการเมืองนี้เคยเกือบสูญพันธุ์ใน กทม.มาแล้ว นั่นแสดงให้เห็นว่าคนกรุงเทพฯ ไม่ได้โง่เชื่อพรรคการเมืองไปเสียหมด ความกลัว ความเกลียดชังในตัวทักษิณ มิใช่กระแสที่ปลุกขึ้นมาโดยไม่มีข้อเท็จจริง แต่มันเป็นสิ่งที่ "ทักษิณ" ได้แสดงให้เห็นด้วยตัวเองตลอดเวลาว่า เขาน่ากลัวแค่ไหน อาจารย์ชาญวิทย์อาจไม่กลัว ที่ทักษิณเป็นผู้ที่จิ้มเอาว่าให้ "พงศ พัศ พงษ์เจริญ" สมัครผู้ว่าฯ กทม. หรืออาจไม่กลัวที่ "ขวัญชัย ไพรพนา" ออกมาลากไส้ด้วยความภาคภูมิใจว่า การแต่งตั้งนายตำรวจต้องปั๊มตรายางที่อุดรฯ ก่อนส่งไปดูไบ และไม่กลัวเลยที่ รัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นหุ่นเชิดของนักโทษหนีคุก สำหรับผมกลัวจริงๆ กลัวว่าหากปล่อยไว้แบบนี้ ประเทศจะถึงกาลฉิบหาย ผมจึงสมัครใจไม่ก้าวข้ามทักษิณในเวลานี้ จนกว่าทักษิณจะเป็นฝ่ายลุกขึ้นอย่างผู้สำนึกผิด แต่ยังมีคนหนึ่งที่กลัวกว่าผม เขาคนนั้นคือ "จุมพล ณ สงขลา"อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากคดีซุกหุ้น "สาเหตุที่ผมตัดสินคดีแบบนี้ ก็เพราะผมเห็นว่าประชาชนเขาพร้อมใจกันเทคะแนนเสียงให้ไทยรักไทย 11 ล้านเสียง นี่คือเสียงสวรรค์ที่ประชาชนพร้อมใจกันเลือกทักษิณให้เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 10 กว่าคน จะมาไล่เขาลงจากตำแหน่งได้อย่างไร วันนั้นถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าทักษิณผิด ป่านนี้คุณรู้ไหมอะไรจะเกิดขึ้น ขนาดกล้านรงค์ยังต้องหลบออกประตูหลังศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญไล่เขาออก ป่านนี้ศาลรัฐธรรมนูญถูกเผาตั้งแต่วันตัดสินคดีไปแล้ว ". ขอบคุณ http://www.ryt9.com/s/tpd/1604107

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...