อินทผลัม ผลไม้ราคาแพง รสหวานฉ่ำ กินได้ทั้งผลสดและสุก มีคุณค่าทางโภชนาการ

อินทผลัม ผลไม้ราคาแพง รสหวานฉ่ำ กินได้ทั้งผลสดและสุก มีคุณค่าทางโภชนาการ

อินทผลัม เป็นพืชตระกูลปาล์ม มีหลากหลายสายพันธุ์ มีถิ่นกำเนิดในแถบตะวันออกกลาง โดยสามารถเจริญเติบโตได้ดีในภูมิภาคที่มีอากาศร้อนและแห้งแบบทะเลทราย ลำต้นมีความสูงประมาณ 30 เมตร โดยใบติดอยู่บนต้น 40-60 ก้าน ทางใบยาว 3-4 เมตร มีลักษณะเป็นแบบขนนก ใบย่อยพุ่งออกหลายทิศทาง ช่อดอกของอินทผลัมจะออกจากโคนใบ เมื่อติดผลลักษณะของผลเป็นรูปทรงรี ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร มีรสหวานฉ่ำ สามารถรับประทานได้ทั้งผลสดและสุก ซึ่งผลจะมีสีเหลืองถึงสีส้มและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลถึงสีน้ำตาลเข้มเมื่อแก่จัด โดยผลสุกจะนิยมนำไปตากแห้ง

ผลผลิตออกเต็มต้น

การขยายพันธุ์อินทผลัมนั้น สามารถทำได้ 3 แบบ คือ

ต้นกล้าที่ผ่านการอนุบาล

1.การเพาะเมล็ด มีข้อดีคือขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว ต้นทุนต่ำ เจริญเติบโตได้ดี ข้อเสียคือไม่รู้เพศว่าเป็นเพศผู้หรือเพศเมีย ซึ่งอินทผลัมเป็นพืชที่ไม่สมบูรณ์เพศ การขยายพันธุ์จากการเพาะเมล็ดจึงไม่สามารถบอกได้ว่าต้นไหนเป็นเพศผู้ ต้นไหนเพศเมีย และโดยปกติอัตราส่วนเพศผู้ต่อเพศเมียอยู่ที่ประมาณ 50 ต่อ 50 ถ้านำมาปลูกโดยไม่รู้เพศอาจทำให้ได้ต้นเพศผู้มีมากเกินจำเป็นในสวน โดยต้นเพศผู้ที่เหมาะสมเพียงพอควรมีประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์

2.การแยกหน่อ เป็นการขยายพันธุ์ที่นิยมทำกันมาอย่างช้านานจนถึงปัจจุบัน ทั้งการขยายแปลงปลูก การค้าต้นพันธุ์ เพราะอินทผลัมเมื่อต้นอายุ 2 ปีขึ้นไป จะเริ่มสร้างหน่อแขนงขึ้นมารอบๆ ต้น มีข้อดีคือหน่อที่แยกออกมาจะเป็นพันธุกรรมเหมือนต้นแม่ทุกประการ ทั้งกายภาพและพันธุกรรม รู้เพศชัดเจน ซึ่งผลผลิตที่ได้จะเหมือนกันทุกต้น ควบคุมคุณภาพได้ง่าย ข้อเสีย ราคาหน่อจะสูง เพราะผลิตได้จำนวนจำกัด จึงไม่เพียงพอต่อความต้องการ

3.การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เป็นการขยายพันธุ์ที่ใช้หน่อจากต้นแม่พันธุ์ คือนำพันธุ์แท้มาเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เพื่อที่จะได้มีต้นกล้าคุณภาพขึ้นมาเป็นทางเลือกแก้ปัญหาจากการเพาะเมล็ด และการแยกหน่อ จึงเหมาะกับการขยายพันธุ์เชิงคุณภาพได้อย่างดียิ่ง ข้อดีคือได้ต้นใหม่ที่เกิดขึ้นโดยมีพันธุกรรมเหมือนต้นแม่พันธุ์ทุกประการ รู้เพศชัดเจน เป็นต้นเพศเมีย 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีการกลายพันธุ์ และสายพันธุ์ที่ได้เป็นสายพันธุ์มาตรฐานสากล เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และที่สำคัญผลผลิตที่ได้จะเหมือนกันทุกต้น

คุณปรีชา ธรรมชูเชาวรัตน์ อยู่บ้านเลขที่ 70 หมู่ที่ 2 ตำบลบางพลับ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เป็นผู้ที่เห็นถึงลักษณะพิเศษของอินทผลัม จึงได้นำมาทดลองปลูกภายในสวน จนประสบผลสำเร็จ จนทำให้ในเวลานี้ที่สวนของคุณปรีชามีผู้ที่สนใจได้เข้ามาเรียนรู้และหาซื้อต้นพันธุ์กันมากเลยทีเดียว

คุณปรีชา ธรรมชูเชาวรัตน์

ผู้คว่ำหวอด ในสายงานเกษตร

คุณปรีชา เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนได้ทำการเกษตรหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปศุสัตว์ คือ การเลี้ยงเป็ด ต่อมาจึงได้มาจับอาชีพเกี่ยวกับไม้ดอกไม้ประดับ เช่น เฟื่องฟ้า ลีลาวดี เรียกง่ายๆ ว่า ทำการเกษตรมาอย่างชำนาญในสายงานด้านนี้กันเลยทีเดียว ต่อมาจึงได้มีความสนใจจะปลูกอินทผลัม จึงได้นำมาทดลองปลูกอย่างที่ได้คิดตั้งใจไว้

“ตอนนี้ที่สวนไม้ดอกไม้ประดับก็ยังปลูกขายอยู่ เมื่อธุรกิจทางด้านนี้เริ่มอยู่ตัว ประมาณปี 2557 ผมก็เริ่มสนใจเกี่ยวกับอินทผลัมกินผลสด เพราะเราเริ่มรู้สึกว่าไม้ดอกไม้ประดับเราเริ่มอิ่มตัว อยากที่จะทำเกี่ยวกับต้นไม้กินผลได้ ก็เลยเลือกอินทผลัม ซึ่งชอบลักษณะพิเศษตรงที่ผลของอินทผลัมสามารถเก็บไว้รับประทานได้นานเมื่อเราใส่ตู้เย็นไว้ ผลอินทผลัมค่อนข้างมีคุณค่าทางโภชนาการ และที่สำคัญเป็นไม้ที่ปลูกง่าย เรื่องการดูแลง่าย ไม่ยุ่งยาก” คุณปรีชา บอกถึงที่มาของการปลูกอินทผลัม

อินทผลัม ผลไม้ราคาแพง รสหวานฉ่ำ กินได้ทั้งผลสดและสุก มีคุณค่าทางโภชนาการ

อินทผลัม ผลไม้ราคาแพง รสหวานฉ่ำ กินได้ทั้งผลสดและสุก มีคุณค่าทางโภชนาการ

เนื่องจากการปลูกอินทผลัมสามารถนำต้นพันธุ์มาปลูกได้หลายแบบ คือ ต้นพันธุ์ที่ได้จากการเพาะเมล็ด และต้นพันธุ์ที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งในช่วงแรกที่ทดลองปลูกนั้น คุณปรีชา บอกว่า ใช้ต้นพันธุ์ที่ได้จากการเพาะเมล็ดมาปลูก ประมาณ 200 ต้น ได้อินทผลัมที่เป็นตัวผู้ 130 ต้น และเป็นตัวเมีย 70 ต้น ต่อมาเพื่อขยายลูกค้าตลาดให้กว้างขึ้น และเพื่อให้ต้นอินทผลัมได้สายพันธุ์ที่แน่นอน จึงได้นำต้นอินทผลัมที่ผ่านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเข้ามาปลูกด้วย โดยสั่งมาจากต่างประเทศ คือ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และประเทศอังกฤษ

ใช้เวลาปลูกปีกว่า อินทผลัมก็ให้ผลผลิต

ก่อนที่อินทผลัมจะเจริญเติบโตให้ผลผลิตได้ คุณปรีชา บอกว่า จะต้องนำต้นที่ผ่านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อมาอนุบาลเสียก่อน โดยใช้เวลาอนุบาลช่วงนี้ประมาณ 4 เดือน จะมีความสูงประมาณ 1 คืบ พร้อมทั้งมีใบประมาณ 5-6 ใบ ก็สามารถนำมาปลูกลงดินได้

“พอเราได้ต้นที่แข็งแรงดีแล้ว เราก็นำต้นที่อนุบาล มาปลูกลงดินได้เลย โดยให้แต่ละต้นมีระยะห่างกัน ประมาณ 7×7 เมตร ซึ่งดินที่อยู่ตามภาคกลาง ไม่ต้องรองก้นหลุม ใส่ข้างบนเดี๋ยวก็จะซึมลงไปเอง แต่ถ้าเป็นพื้นที่ที่มีสภาพดินไม่ค่อยดี ก็สามารถรองก้นหลุมด้วยขี้ไก่ หรือปุ๋ยหมักก็ได้เหมือนกัน ก็จะทำให้ดินมีความสมบูรณ์” คุณปรีชา บอกถึงวิธีการปลูก

ผลสวยมาก

เมื่อปลูกต้นอินทผลัมเป็นที่เรียบร้อยจะดูแลไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจริญเติบโตเต็มที่ และที่สำคัญเรื่องการรดน้ำต้องใส่ใจเป็นพิเศษ โดยสังเกตจากดินที่โคนต้น ถ้าแห้งมากจำเป็นต้องรดน้ำทุกวัน วันละ 1 ครั้ง

ในเรื่องของการใส่ปุ๋ยนั้น คุณปรีชา บอกว่า จะใส่ปุ๋ย สูตร 20-10-10 เดือนละ 2 ครั้ง เมื่ออายุของต้นเริ่มมีอายุเกิน 1 ปี จะเริ่มให้ผลผลิตได้จะเปลี่ยนปุ๋ยเป็นสูตร 8-24-24 ไปจนถึงต้นอินทผลัมเริ่มออกดอก

ห่อผลป้องกันแมลงศัตรูพืช

“เมื่อต้นเพศเมียเริ่มออกดอก เราก็จะเตรียมเอาเกสรต้นเพศผู้ มาผสมกับเกสรเพศเมีย ซึ่งการผสมก็ไม่ยาก พอผสมเสร็จใช้เวลาประมาณ 5 วัน ผลก็จะเริ่มติดออกมาให้เห็น เสร็จแล้วก็จะฉีดแคลเซียมโบรอนเข้ามาช่วย เพื่อให้เกสรมีความแข็งแรง พอเริ่มเป็นผลที่มีอายุได้ 1-2 เดือน ให้เห็น ก็จะเริ่มห่อ เพื่อป้องกันแมลงศัตรูอื่นๆ เข้ามากัดกิน” คุณปรีชา บอกถึงวิธีการผสมเกสรและดูแลผลอินทผลัม

จากประสบการณ์ที่ได้ทดลองปลูกมาอย่างประสบผลสำเร็จ คุณปรีชา บอกว่า ในเวลานี้ที่สวนจึงมีต้นที่มีผลออกมาให้กับผู้ที่สนใจได้มาเชยชมและเรียนรู้วิธีการปลูกจากประสบการณ์จริงได้ที่สวน พร้อมทั้งมีผลอินทผลัมได้ให้ชิมอีกด้วย

ช่อผลอินทผลัม

ต้นพันธุ์ที่มีจำหน่าย เป็นเนื้อเยื่อจากต่างประเทศ

สำหรับการปลูกอินทผลัมที่เหมาะสมภายในสวน คุณปรีชา แนะนำว่า อัตราส่วนที่เหมาะสมโดยประมาณ เช่น ต้นอินทผลัมเพศผู้ 20 ต้น สามารถคุมการผสมเกสรให้กับต้นอินทผลัมเพศเมีย ประมาณ 100 ต้น ซึ่งการผสมเกสรต้องมีการศึกษาเพื่อที่การผสมให้ติดผลจะได้ประสบผลสำเร็จได้เป็นอย่างดี

ต้นกล้าที่ผ่านการอนุบาล

“สำหรับผู้ที่สนใจ อยากจะปลูก ก็สามารถเข้ามาเรียนรู้ที่สวนเราได้ หรืออยากจะลองชิม หรือเรียนรู้ว่าการปลูกเป็นยังไง ก็เข้ามาเจอกันที่สวนผมได้ หรือเกษตรกรที่สนใจต้นพันธุ์ ก็สามารถเข้ามาหาซื้อได้ ซึ่งต้นที่เรามีขายก็เป็นต้นเนื้อเยื่อ ที่ผ่านการอนุบาลจนแข็งแรงดีแล้ว สามารถนำไปปลูกได้เลย อายุประมาณ 4 เดือน ขายอยู่ที่ต้นละ 1,500 บาท ซึ่งก็มีหลายพันธุ์ให้เลือกไปปลูก เช่น พันธุ์บาฮี เคแอล 1 (KL1) เป็นพันธุ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ และบางส่วนก็เป็นพันธุ์เพาะเมล็ดเราก็มีขายอยู่ ที่ต้นละ 300 บาท ซึ่งก็สามารถเข้ามาพูดคุยกัน ทางสวนเรายินดีให้คำแนะนำ” คุณปรีชา บอก

ทั้งนี้ คุณปรีชา ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า การปลูกอินทผลัมยังไม่เจอปัญหายุ่งยาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องน้ำที่ใช้รด เพราะน้ำเป็นสิ่งสำคัญมากต่อการเจริญเติบโต โดยเฉพาะเริ่มเข้าสู่ช่วงที่จะติดผลผลิต น้ำจึงเป็นปัจจัยสำคัญ

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณปรีชา ธรรมชูเชาวรัตน์ หมายเลขโทรศัพท์ (081) 309-6086, (087) 320-5009

ขอบคุณ... https://www.technologychaoban.com/agricultural-technology/article_23660

ที่มา: เทคโนโลยีชาวบ้านออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 11 ก.ค.60
วันที่โพสต์: 11/07/2560 เวลา 09:48:07 ดูภาพสไลด์โชว์ อินทผลัม ผลไม้ราคาแพง รสหวานฉ่ำ กินได้ทั้งผลสดและสุก มีคุณค่าทางโภชนาการ