ส่งเสริมส้มแป้นหัวจุก ผลไม้เอกลักษณ์ จ.สงขลา

นายทรงพล สวาสดิ์ธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วยนายอนุชา ยาอีด รักษาการเกษตรจังหวัดสงขลา นายจำเริญ จันศรีคง รักษาการเกษตรอำเภอจะนะ นายอาซราน เต๊ะสอ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบงานระดับตำบล

ร่วมติดตามความก้าวหน้าการฟื้นฟูพัฒนาส้มจุกให้เป็นพืชเอกลักษณ์ของอำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา ในพื้นที่แปลงปลูกของนายดนกอนี เหลาะหมาน หมู่ที่ 7 ตำบลบ้านนา เนื้อที่ปลูก 2 ไร่ และนายสามารถ ระมัญบากา หมู่ที่ 3 ตำบลขุนตัดหวาย เนื้อที่ปลูก 1 ไร่

ส้มจุก หรือที่ชาวท้องถิ่นภาคใต้เรียกว่า “ส้มแป้นหัวจุก” ซึ่งเป็นไปตามรูปลักษณ์ภายนอกที่มีปุ่มยื่นออกมาบริเวณขั้ว ส้มจุกเป็นพืชที่ปลูกดั้งเดิมในอำเภอจะนะมาตั้ง

แต่ ปี 2444 ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้ผลักดันเข้าสู่ยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัด “15 วาระสงขลา” ในวาระเกษตรสุขภาพ เกษตรคุณภาพ และเกษตรผสมผสาน โดยจะให้มีการขยายพันธุ์ พัฒนาคุณภาพและส่งเสริมการตลาดและสร้างแบรนด์เชื่อมโยงกับแหล่งผลิต

ปี 2559 อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา มีพื้นที่การปลูกส้มจุกครอบคลุมถึง 5 ตำบล ได้แก่ ตำบลบ้านนา ป่าชิง ขุนตัดหวาย แค และตำบลนาหว้า มีเกษตรกรผู้ปลูกส้มจุกเพื่อการค้าจำนวน 7 ราย เนื้อที่ปลูกทั้งหมดประมาณ 22 ไร่ โดยส่วนใหญ่จำหน่ายให้กับพ่อค้าคนกลางในพื้นที่ในราคากิโลกรัมละ 80-100 บาท

ซึ่งผู้ว่าฯ ต้องการให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมขับเคลื่อนให้ส้มจุกเป็นพืชอัตลักษณ์หนึ่งเดียวที่สร้างชื่อเสียง สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรอำเภอจะนะ โดยการขยายพื้นที่ปลูกพร้อม

กับพัฒนาคุณภาพให้อยู่ในเกรดพรีเมี่ยมพัฒนาแบรนด์ของสินค้าให้เป็นจุดเด่นและรู้จักในวงกว้าง และพัฒนาบรรจุภัณฑ์เพื่อจำหน่ายเป็นของฝาก รองรับผู้บริโภคกลุ่มต่าง ๆ

ทั้งนี้ทางสำนักงานเกษตรจังหวัดสงขลาได้ร่วมกับสำนักงานเกษตรอำเภอจะนะ ร่วมวางแผนกำหนดทิศทางการฟื้นฟูและพัฒนาการดำเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ให้เกิดประโยชน์ต่อเกษตรกรและชุมชนตามแนวทางยุทธศาสตร์พัฒนาจังหวัดสงขลาต่อไป

ส้มแป้นหัวจุกเป็นไม้ผลพันธุ์พื้นเมืองของภาคใต้ ลักษณะคล้ายส้มเช้ง แต่ผลใหญ่กว่า ที่หัวเป็นจุก เปลือกล่อนเหมือนส้มโชกุน ใช้ปอกด้วยมือได้ เป็นส้มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่คนส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้ชอบรับประทาน ลูกใหญ่ รสหวานกลมกล่อมอมเปรี้ยวเนื้อหนา และเวลาปอกเปลือกผิวจะหอม ใช้ระยะเวลาปลูกเพียง 3-4 ปี ก็ให้ผลผลิต

1 ต้น จะให้ผลผลิตปีละประมาณ 3,000 กิโลกรัม หากมีการปรับปรุงบำรุงดินดี ดินดี 1 ต้น สามารถให้ผลผลิตเพิ่มขึ้นเป็นอีก 2 เท่าคือ 6,000 กิโลกรัมต่อปี แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและการดูแลของเกษตรกรโดยราคาขายในท้องตลาดทั่วไปในช่วง 4 ปีที่ผ่านมาจะอยู่ที่เฉลี่ย กิโลกรัมละ 80 บาท

ขอบคุณ... http://www.dailynews.co.th/agriculture/539467 (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 30 พ.ย. 59
วันที่โพสต์: 30/11/2559 เวลา 09:55:50