"พระเทพ" เจ้าฟ้าพระวิสัยทัศน์กว้างไกล ก่อเกิด “สรัสปทุม” พัฒนาส่งเสริมรากฐานแห่งอาชีพ

แสดงความคิดเห็น

ภาพที่1 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี  ภาพที่2 โลโก้สรัสปทุม และภาพที่3 ผลงานเครื่องจักสารเป็นกระเป๋า

การมีความรู้ “พื้นฐาน” ในศาสตร์แขนงต่าง ๆ เป็นอย่างดี นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตไม่ว่าประกอบสัมมาอาชีพใดก็ตาม ต้องวางรากฐานความรู้ด้านนั้นให้ถ่องแท้ เพราะหากขาดทักษะเบื้องต้นแล้วก็ยากที่จะพัฒนาความรู้ให้แตกฉานยิ่งขึ้น โดยเฉพาะทักษะ “ด้านวิชาชีพ” ของคนไทย หากมองย้อนถึงการเรียนการสอนของปัจจุบัน พบว่ามุ่งเน้นความเป็นเลิศทางวิชาการมากกว่าความรู้เชิงช่าง เกิดเป็นช่องว่างเมื่อนักเรียนจบการศึกษาและไม่สามารถศึกษาต่อระดับอุดม ศึกษาได้ ต้องเผชิญปัญหาว่างงานหรือหางานทำยาก เนื่องจากขาดพื้นฐานทางด้านวิชาชีพเป็นตัวรองรับ ด้วยความใส่พระทัยทุกข์สุขของประชาชน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเล็งเห็นปัญหาดังกล่าว ทรงมีพระราชดำริให้หน่วยงานในพระราชูปถัมภ์ เช่น มูลนิธิชัยพัฒนา,โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือ โดยการสนับสนุนส่งเสริมวิชาชีพพัฒนาหลักสูตรการศึกษาที่ใช้อยู่ปัจจุบันให้ สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนตามพื้นที่

จุดประกายให้ “โครงการ สรัสปทุม” (สะ-รัด-ปะ-ทุม) ถือกำเนิดขึ้นเพื่อสนองแนวพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีวัตถุประสงค์หลักดำเนินงานเพื่อส่งเสริมอาชีพพื้นฐานแก่บุคคลทั่วไป ก่อนนำไปต่อยอดสร้างโอกาสในการทำงานและสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในที่สุด สำหรับโครงการสรัสปทุมนี้

เกิดจากความเห็นพ้องของวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร และโรงเรียนวัดปทุมวนาราม ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หวังสร้างชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืน ดำเนินงานภายใต้หลัก “บวร” ผนวกรวมสามเสาหลักสำคัญ “บ้าน วัด โรงเรียน” มาเป็นศูนย์รวมเดียวกัน โดยมี พระเทพญาณวิศิษฐ์ รองเจ้าอาวาสวัดปทุมฯ เป็นประธานโครงการ

ความเป็นมาของโครงการ ดร.ศุภลักข์ โกมารกุล ณ นคร รองประธานโครงการฯ กล่าวว่า ภายหลังสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับ ณ วังสระปทุม เสด็จฯ มาทรงเยี่ยมโรงเรียนวัดปทุมวนารามฯ เป็นการส่วนพระองค์อยู่เสมอ ๆ สมัยนั้นโรงเรียนซึ่งอยู่ในอาณาเขตของวัดเปิดสอนเพียงระดับชั้นอนุบาลถึง ประถมศึกษา จึงทรงมีพระราชประสงค์ขยายโอกาสทางการศึกษาถึงระดับมัธยม ศึกษาต้อนต้น ด้วยความใส่พระทัยว่าเด็ก ๆ จะได้ไม่ต้องขวนขวายหาที่เรียนใหม่ นอกจากนี้ยังทรงมีพระราชประสงค์ให้เพิ่มหลักสูตรวิชาชีพพื้นฐาน ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ส่งวิทยากรมาสอนงานต่าง ๆ เช่น งานไฟฟ้า, งานประดิษฐ์, งานเกษตร เหมือนติดอาวุธทางปัญญาก่อนป้อนเด็กสู่ตลาดแรงงาน

ต่อมาทางกรุงเทพมหานครสนองพระราชดำริจัดงบประมาณสร้างอาคารเรียนอเนกประสงค์ 4 ชั้น บนที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กว้าง 10.40 เมตร ยาว 50 เมตร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานนามว่า “อาคารสรัสปทุมนิเทศ” เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2553 นับตั้งแต่นั้นมาอาคารดังกล่าวใช้สำหรับการเรียนการสอนด้านวิชาชีพ เริ่มแรกเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้และเพิ่มทักษะด้านงานอาชีพพื้นฐานที่ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตในครอบครัว ก่อนขยายโอกาสสู่ประชาชน

“ตามหลักบวร วัดและโรงเรียนเห็นชัดเจนแล้ว แต่บ้านคงเป็นหลักไม่ได้ประยุกต์ใช้จริง คณะกรรมการได้ปรึกษาหารือกันทำให้เกิดรูปธรรมขึ้นมา หลักเสาแรงของบ้านหลังนี้ ไม่จำกัดเฉพาะแค่ชุมชน แต่เป็นของทุกคน ประตูบ้านเปิดรับเสมอสำหรับคนฝักใฝ่การเรียนรู้พื้นฐานทางวิชาชีพ เพื่อนำไปต่อยอดพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่วนความหมายของ “สรัสปทุม” แปลตรงตัวว่า “สระบัว” โครงการนี้จึงเปรียบเสมือนดอกบัวที่งดงาม ลอยพ้นผิวน้ำมีรากหยั่งลึกแข็งแรง เพราะผลผลิตของโครงการส่งเสริมการอาชีพฯ ที่ช่วยสร้างรายได้และต่อยอดอย่างครบวงจร เพื่อความสุขที่ยั่งยืนของชุมชนตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งไม่หวังผลกำไรทางด้านธุรกิจแต่มุ่งหวังในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ให้แก่ชุมชน” รองประธานโครงการฯ กล่าว

นอกจากหลักบวรการดำเนินงานยังเสริมความแข็งแกร่งด้วยหลัก “3 อ.” ได้แก่ อาชีพ-โอกาส-อนาคต ซึ่ง พิทยะพันธ์ ศรีแววเนตร กรรมการและนักออกแบบประจำโครงการฯ กล่าวเสริมว่า หัวใจของโครงการฯ มุ่งเน้นการสร้าง “อาชีพ” โดยการเพิ่ม เสริมและพัฒนาทักษะให้แก่คนในชุมชน เพื่อสร้าง “โอกาส” ผ่านเวทีและพื้นที่ที่จัดเตรียมและจัดหาให้ เพื่อใช้ต่อยอดทักษะให้เกิดการสร้างรายได้ ซึ่งจะนำไปสู่ “อนาคต” แห่งความสุขที่ยั่งยืนของชุนชนตามแนวคิดวิถีชีวิตแห่งความพอเพียง โดยจัดหลักสูตรอบรมสั้น เรียนครั้งละ 3 ชั่วโมง เปิดสอนเป็นประจำทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00-16.00 น. มีวิทยากรมากประสบการณ์มาถ่ายทอดความรู้ เช่น วิทยากรจากวิทยาลัยในวังหญิง, เชฟจากโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ สลับสับเปลี่ยนมาอบรม

สำหรับตารางการสอนทุกวันเสาร์ตั้งแต่เดือน เม.ย.-พ.ค. 2556 ดังนี้ 20 เม.ย. เวลา 09.00 น. ดอกบัวประดิษฐ์ทำอย่างไร วิทยากร อ.จิรัชยา ชอบธรรม, เวลา 13.00 น. บูติก บาติก วิทยากร อ.ยลสิริรัตน์ มาตผล, 27 เม.ย. เวลา 09.00 น. ทำเดโคพาจบนวัสดุเหลือใช้ เวลา 13.00 น. สนุกกับการวาดภาพ อย่างไรก็ตามภายในเดือน พ.ค. นี้ ได้ปรับเปลี่ยนเหลือเพียงสัปดาห์ละ 1 คอร์สในช่วงบ่าย 4 พ.ค. ฝึกร้อยมาลัยหน้าช้าง วิทยากรวิทยาลัยในวังหญิง, 11 พ.ค. เรียนทำน้ำพริก สไตล์เชฟโรงแรมสยามเคมปินสกี้, 18 พ.ค. เรียนทำกะหรี่พัฟไม่ยากอย่างที่คิด วิทยากรโรงเรียนวัดมกุฏกษัตริย์, 25 พ.ค. ชอบของสวยของงาม เรียนทำ เดโคพาจกับครูศิษย์เก่าโรงเรียนราชินี สนใจสอบถามรายละเอียดได้ รับสมัครจำกัดหลักสูตรละ 15 คน ค่าใช้จ่าย 500 บาท โทร. 08-1637-6478 และ 08-1911-7680

หลักสูตรเน้นความง่ายใช้ได้จริงภายในเวลา 3 ชั่วโมง รับประกันทุกคนได้ความรู้สามารถต่อยอดเองที่บ้านได้ เช่น สอนทำขนมประเภทต้ม-นึ่ง แทนการทำคุกกี้ นอกจากจัดหาอุปกรณ์ง่ายมีใช้สอยในครัวอยู่แล้ว ขนมไทยสูตรดั้งเดิมยังเป็นขนมที่หารับประทานยาก หรือร้อยมาลัยกล้วยไม้แทนดอกมะลิ ซึ่งกลีบกล้วยไม้คงทนสภาพอากาศและทนมือเหมาะสำหรับมือใหม่หัดร้อย อย่างไรก็ตาม หลักสูตรของโครงการสรัสปทุมชูพัฒนาอาชีพของเอกลักษณ์ไทยแต่มีความร่วมสมัย ประยุกต์ใช้งานได้จริง ทันท่วงทีกับสถานการณ์ เช่น หลักสูตรที่ผ่านมาได้จัดอบรมทำน้ำอบไทยต้อนรับช่วงสงกรานต์ ในบรรจุภัณฑ์ใหม่แบบฉีดสเปรย์ เหมาะเป็นของขวัญของฝากผู้หลักผู้ใหญ่, ถุงผ้าไหมบุหงารำไป 9 ชนิด เปิด-ปิด ปากถุงแบบซิปล็อก เป็นต้น ผลงานของผู้เรียนหากไม่ซื้อกลับบ้าน ยังฝากโครงการฯ จำหน่ายได้ผ่าน “ตลาดนัดสรัสปทุม” จัดเป็นประจำวันศุกร์ทุกสิ้นเดือน ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป โดยมีผลิตภัณฑ์อาหารซึ่งถือเป็นซิกเนเจอร์ของโครงการฯ วางจำหน่ายด้วย อาทิ น้ำสลัดต้มยำกุ้งสรัสปทุม, ข้าวเหนียวหมูปิ้งสรัสปทุม, ข้าวโพดคั่วปรุงรสเค็ม-หวาน สูตรสรัสปทุม บริเวณหน้าอาคารสรัสปทุมฯ ตั้งอยู่ตรงข้ามทางเข้าโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์

นักออกแบบประจำโครงการฯ เผยความรู้สึกว่า “มุมมองบ้านของผมนอกจากจะเป็นบ้านหลังใหญ่เปิดรับทุกคนแล้ว ยังเห็นถึงความสามัคคี ดั่งเช่น ถุงผ้าไหมบุหงารำไปนี้ก็ได้รับการสนับสนุนผ้าไหมจากมูลนิธิสายใจไทยในพระบรม ราชูปถัมภ์ แม้กระทั่งยอดสั่งทำดอกไม้จันทน์จากทางวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร จำนวน 2,500 ชุด ทางโครงการฯ ไม่สามารถผลิตทันได้ต้องขอความร่วมมือจากกลุ่มแม่บ้านโรงเรียนตำรวจตระเวน ชายแดน ทุกคนล้วนให้ความสนใจและตั้งใจผลิตให้อย่างเต็มที่ บ้านหลังใหญ่นี้จึงไม่ใช่ เฮาส์ (House) แต่เป็น โฮม (Home) มีทั้งความรักสามัคคีและความอบอุ่นอยู่รวมกัน”

หลักการพัฒนางานสายอาชีพ หากยึดตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่า “ต้องสอนให้เขาตกปลา ไม่ใช่เอาปลาไปแจกให้เขากิน” นั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทน้อมนำมาปฏิบัติอย่างถ้วนทั่ว พร้อมทั้งพระราชทานเป็นแนวทางดำเนินชีวิตส่งเสริมความผาสุกแก่พสกนิกรไทยให้ รู้จักพึ่งพาพัฒนาตนเอง สร้างบ้านที่ชื่อว่า “ประเทศไทย” มีความแข็งแรงและแข็งแกร่งทัดเทียมนานาอารย ประเทศ

เนื่องในศุภวาระมงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 58 พรรษา 2 เม.ย. 2556 ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดอภิบาลบันดาลดลให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระชนมพรรษายิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระพลานามัยสมบูรณ์ ทรงสถิตเป็นมิ่งขวัญของอาณาประชาราษฎร์ตราบกาลนาน.

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ

ทีมข่าวสตรีเดลินิวส์

ขอบคุณ http://www.dailynews.co.th/society/194441 (ขนาดไฟล์: 167)

เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 2 เม.ย.56

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 2 เม.ย.56
วันที่โพสต์: 2/04/2556 เวลา 04:53:17 ดูภาพสไลด์โชว์ "พระเทพ" เจ้าฟ้าพระวิสัยทัศน์กว้างไกล ก่อเกิด “สรัสปทุม” พัฒนาส่งเสริมรากฐานแห่งอาชีพ

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

ภาพที่1 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ภาพที่2 โลโก้สรัสปทุม และภาพที่3 ผลงานเครื่องจักสารเป็นกระเป๋า การมีความรู้ “พื้นฐาน” ในศาสตร์แขนงต่าง ๆ เป็นอย่างดี นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตไม่ว่าประกอบสัมมาอาชีพใดก็ตาม ต้องวางรากฐานความรู้ด้านนั้นให้ถ่องแท้ เพราะหากขาดทักษะเบื้องต้นแล้วก็ยากที่จะพัฒนาความรู้ให้แตกฉานยิ่งขึ้น โดยเฉพาะทักษะ “ด้านวิชาชีพ” ของคนไทย หากมองย้อนถึงการเรียนการสอนของปัจจุบัน พบว่ามุ่งเน้นความเป็นเลิศทางวิชาการมากกว่าความรู้เชิงช่าง เกิดเป็นช่องว่างเมื่อนักเรียนจบการศึกษาและไม่สามารถศึกษาต่อระดับอุดม ศึกษาได้ ต้องเผชิญปัญหาว่างงานหรือหางานทำยาก เนื่องจากขาดพื้นฐานทางด้านวิชาชีพเป็นตัวรองรับ ด้วยความใส่พระทัยทุกข์สุขของประชาชน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเล็งเห็นปัญหาดังกล่าว ทรงมีพระราชดำริให้หน่วยงานในพระราชูปถัมภ์ เช่น มูลนิธิชัยพัฒนา,โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือ โดยการสนับสนุนส่งเสริมวิชาชีพพัฒนาหลักสูตรการศึกษาที่ใช้อยู่ปัจจุบันให้ สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนตามพื้นที่ จุดประกายให้ “โครงการ สรัสปทุม” (สะ-รัด-ปะ-ทุม) ถือกำเนิดขึ้นเพื่อสนองแนวพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีวัตถุประสงค์หลักดำเนินงานเพื่อส่งเสริมอาชีพพื้นฐานแก่บุคคลทั่วไป ก่อนนำไปต่อยอดสร้างโอกาสในการทำงานและสามารถพึ่งพาตัวเองได้ในที่สุด สำหรับโครงการสรัสปทุมนี้ เกิดจากความเห็นพ้องของวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร และโรงเรียนวัดปทุมวนาราม ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หวังสร้างชุมชนให้เข้มแข็งและยั่งยืน ดำเนินงานภายใต้หลัก “บวร” ผนวกรวมสามเสาหลักสำคัญ “บ้าน วัด โรงเรียน” มาเป็นศูนย์รวมเดียวกัน โดยมี พระเทพญาณวิศิษฐ์ รองเจ้าอาวาสวัดปทุมฯ เป็นประธานโครงการ ความเป็นมาของโครงการ ดร.ศุภลักข์ โกมารกุล ณ นคร รองประธานโครงการฯ กล่าวว่า ภายหลังสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประทับ ณ วังสระปทุม เสด็จฯ มาทรงเยี่ยมโรงเรียนวัดปทุมวนารามฯ เป็นการส่วนพระองค์อยู่เสมอ ๆ สมัยนั้นโรงเรียนซึ่งอยู่ในอาณาเขตของวัดเปิดสอนเพียงระดับชั้นอนุบาลถึง ประถมศึกษา จึงทรงมีพระราชประสงค์ขยายโอกาสทางการศึกษาถึงระดับมัธยม ศึกษาต้อนต้น ด้วยความใส่พระทัยว่าเด็ก ๆ จะได้ไม่ต้องขวนขวายหาที่เรียนใหม่ นอกจากนี้ยังทรงมีพระราชประสงค์ให้เพิ่มหลักสูตรวิชาชีพพื้นฐาน ได้รับความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ส่งวิทยากรมาสอนงานต่าง ๆ เช่น งานไฟฟ้า, งานประดิษฐ์, งานเกษตร เหมือนติดอาวุธทางปัญญาก่อนป้อนเด็กสู่ตลาดแรงงาน ต่อมาทางกรุงเทพมหานครสนองพระราชดำริจัดงบประมาณสร้างอาคารเรียนอเนกประสงค์ 4 ชั้น บนที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ กว้าง 10.40 เมตร ยาว 50 เมตร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานนามว่า “อาคารสรัสปทุมนิเทศ” เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2553 นับตั้งแต่นั้นมาอาคารดังกล่าวใช้สำหรับการเรียนการสอนด้านวิชาชีพ เริ่มแรกเพื่อให้นักเรียนได้เรียนรู้และเพิ่มทักษะด้านงานอาชีพพื้นฐานที่ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตในครอบครัว ก่อนขยายโอกาสสู่ประชาชน “ตามหลักบวร วัดและโรงเรียนเห็นชัดเจนแล้ว แต่บ้านคงเป็นหลักไม่ได้ประยุกต์ใช้จริง คณะกรรมการได้ปรึกษาหารือกันทำให้เกิดรูปธรรมขึ้นมา หลักเสาแรงของบ้านหลังนี้ ไม่จำกัดเฉพาะแค่ชุมชน แต่เป็นของทุกคน ประตูบ้านเปิดรับเสมอสำหรับคนฝักใฝ่การเรียนรู้พื้นฐานทางวิชาชีพ เพื่อนำไปต่อยอดพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่วนความหมายของ “สรัสปทุม” แปลตรงตัวว่า “สระบัว” โครงการนี้จึงเปรียบเสมือนดอกบัวที่งดงาม ลอยพ้นผิวน้ำมีรากหยั่งลึกแข็งแรง เพราะผลผลิตของโครงการส่งเสริมการอาชีพฯ ที่ช่วยสร้างรายได้และต่อยอดอย่างครบวงจร เพื่อความสุขที่ยั่งยืนของชุมชนตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งไม่หวังผลกำไรทางด้านธุรกิจแต่มุ่งหวังในการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ให้แก่ชุมชน” รองประธานโครงการฯ กล่าว นอกจากหลักบวรการดำเนินงานยังเสริมความแข็งแกร่งด้วยหลัก “3 อ.” ได้แก่ อาชีพ-โอกาส-อนาคต ซึ่ง พิทยะพันธ์ ศรีแววเนตร กรรมการและนักออกแบบประจำโครงการฯ กล่าวเสริมว่า หัวใจของโครงการฯ มุ่งเน้นการสร้าง “อาชีพ” โดยการเพิ่ม เสริมและพัฒนาทักษะให้แก่คนในชุมชน เพื่อสร้าง “โอกาส” ผ่านเวทีและพื้นที่ที่จัดเตรียมและจัดหาให้ เพื่อใช้ต่อยอดทักษะให้เกิดการสร้างรายได้ ซึ่งจะนำไปสู่ “อนาคต” แห่งความสุขที่ยั่งยืนของชุนชนตามแนวคิดวิถีชีวิตแห่งความพอเพียง โดยจัดหลักสูตรอบรมสั้น เรียนครั้งละ 3 ชั่วโมง เปิดสอนเป็นประจำทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00-16.00 น. มีวิทยากรมากประสบการณ์มาถ่ายทอดความรู้ เช่น วิทยากรจากวิทยาลัยในวังหญิง, เชฟจากโรงแรมสยามเคมปินสกี้ กรุงเทพฯ สลับสับเปลี่ยนมาอบรม สำหรับตารางการสอนทุกวันเสาร์ตั้งแต่เดือน เม.ย.-พ.ค. 2556 ดังนี้ 20 เม.ย. เวลา 09.00 น. ดอกบัวประดิษฐ์ทำอย่างไร วิทยากร อ.จิรัชยา ชอบธรรม, เวลา 13.00 น. บูติก บาติก วิทยากร อ.ยลสิริรัตน์ มาตผล, 27 เม.ย. เวลา 09.00 น. ทำเดโคพาจบนวัสดุเหลือใช้ เวลา 13.00 น. สนุกกับการวาดภาพ อย่างไรก็ตามภายในเดือน พ.ค. นี้ ได้ปรับเปลี่ยนเหลือเพียงสัปดาห์ละ 1 คอร์สในช่วงบ่าย 4 พ.ค. ฝึกร้อยมาลัยหน้าช้าง วิทยากรวิทยาลัยในวังหญิง, 11 พ.ค. เรียนทำน้ำพริก สไตล์เชฟโรงแรมสยามเคมปินสกี้, 18 พ.ค. เรียนทำกะหรี่พัฟไม่ยากอย่างที่คิด วิทยากรโรงเรียนวัดมกุฏกษัตริย์, 25 พ.ค. ชอบของสวยของงาม เรียนทำ เดโคพาจกับครูศิษย์เก่าโรงเรียนราชินี สนใจสอบถามรายละเอียดได้ รับสมัครจำกัดหลักสูตรละ 15 คน ค่าใช้จ่าย 500 บาท โทร. 08-1637-6478 และ 08-1911-7680 หลักสูตรเน้นความง่ายใช้ได้จริงภายในเวลา 3 ชั่วโมง รับประกันทุกคนได้ความรู้สามารถต่อยอดเองที่บ้านได้ เช่น สอนทำขนมประเภทต้ม-นึ่ง แทนการทำคุกกี้ นอกจากจัดหาอุปกรณ์ง่ายมีใช้สอยในครัวอยู่แล้ว ขนมไทยสูตรดั้งเดิมยังเป็นขนมที่หารับประทานยาก หรือร้อยมาลัยกล้วยไม้แทนดอกมะลิ ซึ่งกลีบกล้วยไม้คงทนสภาพอากาศและทนมือเหมาะสำหรับมือใหม่หัดร้อย อย่างไรก็ตาม หลักสูตรของโครงการสรัสปทุมชูพัฒนาอาชีพของเอกลักษณ์ไทยแต่มีความร่วมสมัย ประยุกต์ใช้งานได้จริง ทันท่วงทีกับสถานการณ์ เช่น หลักสูตรที่ผ่านมาได้จัดอบรมทำน้ำอบไทยต้อนรับช่วงสงกรานต์ ในบรรจุภัณฑ์ใหม่แบบฉีดสเปรย์ เหมาะเป็นของขวัญของฝากผู้หลักผู้ใหญ่, ถุงผ้าไหมบุหงารำไป 9 ชนิด เปิด-ปิด ปากถุงแบบซิปล็อก เป็นต้น ผลงานของผู้เรียนหากไม่ซื้อกลับบ้าน ยังฝากโครงการฯ จำหน่ายได้ผ่าน “ตลาดนัดสรัสปทุม” จัดเป็นประจำวันศุกร์ทุกสิ้นเดือน ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป โดยมีผลิตภัณฑ์อาหารซึ่งถือเป็นซิกเนเจอร์ของโครงการฯ วางจำหน่ายด้วย อาทิ น้ำสลัดต้มยำกุ้งสรัสปทุม, ข้าวเหนียวหมูปิ้งสรัสปทุม, ข้าวโพดคั่วปรุงรสเค็ม-หวาน สูตรสรัสปทุม บริเวณหน้าอาคารสรัสปทุมฯ ตั้งอยู่ตรงข้ามทางเข้าโรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ นักออกแบบประจำโครงการฯ เผยความรู้สึกว่า “มุมมองบ้านของผมนอกจากจะเป็นบ้านหลังใหญ่เปิดรับทุกคนแล้ว ยังเห็นถึงความสามัคคี ดั่งเช่น ถุงผ้าไหมบุหงารำไปนี้ก็ได้รับการสนับสนุนผ้าไหมจากมูลนิธิสายใจไทยในพระบรม ราชูปถัมภ์ แม้กระทั่งยอดสั่งทำดอกไม้จันทน์จากทางวัดปทุมวนารามราชวรวิหาร จำนวน 2,500 ชุด ทางโครงการฯ ไม่สามารถผลิตทันได้ต้องขอความร่วมมือจากกลุ่มแม่บ้านโรงเรียนตำรวจตระเวน ชายแดน ทุกคนล้วนให้ความสนใจและตั้งใจผลิตให้อย่างเต็มที่ บ้านหลังใหญ่นี้จึงไม่ใช่ เฮาส์ (House) แต่เป็น โฮม (Home) มีทั้งความรักสามัคคีและความอบอุ่นอยู่รวมกัน” หลักการพัฒนางานสายอาชีพ หากยึดตามพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ว่า “ต้องสอนให้เขาตกปลา ไม่ใช่เอาปลาไปแจกให้เขากิน” นั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงดำเนินตามรอยเบื้องพระยุคลบาทน้อมนำมาปฏิบัติอย่างถ้วนทั่ว พร้อมทั้งพระราชทานเป็นแนวทางดำเนินชีวิตส่งเสริมความผาสุกแก่พสกนิกรไทยให้ รู้จักพึ่งพาพัฒนาตนเอง สร้างบ้านที่ชื่อว่า “ประเทศไทย” มีความแข็งแรงและแข็งแกร่งทัดเทียมนานาอารย ประเทศ เนื่องในศุภวาระมงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา 58 พรรษา 2 เม.ย. 2556 ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดอภิบาลบันดาลดลให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระชนมพรรษายิ่งยืนนาน ทรงพระเกษมสำราญ พระพลานามัยสมบูรณ์

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...