จับเข่าคุยกับ Philip Kotler ค้นหาสูตร Marketing 4.0

แสดงความคิดเห็น

กูรูการตลาดระดับโลก ฟิลิป คอตเลอร์ มาเมืองไทยคราวนี้ เครือเดอะเนชั่น “จัดเต็ม” เพื่อให้นักการตลาดของไทย

ได้สัมผัสกับแนวคิดการตลาดที่ล้ำหน้า คืบจาก Marketing 3.0 และแลกเปลี่ยนแนวคิดแห่งหลักปฏิบัติการตลาดล่าสุด เพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงทุกจังหวะเวลา

“ห้าปีจากนี้ไป หากคุณยังอยู่ในธุรกิจเดิมอย่างที่ทำอยู่วันนี้ คุณก็เสี่ยงที่จะหมดสภาพ”เขาเขียนไว้เป็นคำเตือนสำหรับคนยุคที่กำลังเผชิญกับการปรับเปลี่ยนรวดเร็วและรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ผมนั่งลงสนทนากับคอตเลอร์วัย 84 ที่ยังคึกคักแจ่มใส ถามไถ่ถึงแนวโน้มการตลาดล่าสุด ที่มี Social Media เข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญ

“คุณรู้ไหมว่าโลกนี้มีประชากร 7 พันล้านคน แต่การตลาดรับใช้เพียงแค่ 2 พันล้านคนเท่านั้น ที่เหลือยังไม่ได้ประโยชน์จากการตลาดเท่าไรนัก เรามีหน้าที่จะต้องทำให้ชนชั้นกลางและชนชั้นล่างมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้นด้วยการตลาด” เขาบอกผมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

คอตเลอร์ บอกว่า การตลาดได้ปรับเปลี่ยนจากเดิมที่เน้นเรื่องตัวสินค้า หรือ productเป็นการเน้นที่ลูกค้า หรือ customer และขยับปรับมาให้ความสำคัญกับยี่ห้อ หรือ brandและวันนี้การตลาดจะต้องตอกย้ำ value management หรือ การบริหารคุณค่าที่เน้นเรื่องของ “จิตวิญญาณ” หรือ human spirit มากขึ้น

วันนี้นักการตลาดที่จะประสบความสำเร็จได้ จะต้องแสวงหาสมดุลระหว่างการสร้างกำไรให้ธุรกิจพร้อมๆ กับการจ่ายปันผลคืนแก่สังคมในโลกแห่งความเป็นจริง

“แต่ก่อนนี้การตลาดทำเรื่องสร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้นเพื่อให้ดูดี ให้คนพูดถึงอย่างชื่นชม แต่วันนี้การทำความดีความถูกต้องสำหรับธุรกิจเป็นเรื่องต้องทำ” คอตเลอร์ยิ้ม พร้อมกับบอกว่าการตลาดมีทั้งเรื่องกาย ใจ และ จิต

เป็นการบูรณาการการตลาดและกิจกรรมเพื่อสังคมให้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางธุรกิจ

ใครจะสำเร็จในแวดวงธุรกิจยุคใหม่นี้ได้ ต้องเปลี่ยนปรัชญาจาก What’s good for business is good for society มาเป็น What’s good for society is good for business.

แปลว่า คนทำธุรกิจต้องมองให้ทะลุ แต่ก่อนอาจจะมองว่าอะไรที่ดีสำหรับธุรกิจ ก็จะดีสำหรับสังคม แปลว่า เอาผลประโยชน์ของธุรกิจเป็นตัวตั้ง

แต่วันนี้คิดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะว่าผู้บริโภคจะต่อต้านบริษัทที่ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมหรือไม่ยุติธรรมต่อแรงงาน หรือสังคมเป็นส่วนรวม

จึงต้องเปลี่ยนมาคิดและทำแบบ “อะไรที่ดีกับสังคมจึงจะดีสำหรับธุรกิจ”

พูดง่ายๆ ชัดๆ ก็คือ ความสำนึกต่อสังคมจะต้องเป็นหัวใจของการทำธุรกิจจากนี้ไป และคนรวยจะต้องจ่ายภาษีมากขึ้น ธุรกิจจะต้องสร้างกำไรพร้อมๆ กับการทำกิจกรรมคืนสังคมในทุกๆ ครั้ง หาไม่แล้วก็จะไม่สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน และสังคมก็จะไม่ยอมรับ

นั่นคือ หัวข้อหลักของหนังสือเล่มที่ชื่อ Good Works! ของ คอตเลอร์ ก่อนจะเขียนเล่มล่าสุด ชื่อ 8 Ways to Win : Market Your Way to Growth ที่แปลเป็นภาษาไทยโดย NationBooks ของบริษัท NINE ของเครือเนชั่นแล้ว

คอตเลอร์ บอกว่า ความผันผวนมิใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไป ใครที่คิดเป็น ทำเป็น จะต้องรู้จักฉกฉวยโอกาสจากวิกฤติ

“อย่าให้วิกฤติผ่านไป โดยที่คุณไม่สร้างประโยชน์จากมัน” เขาบอก โดยเน้นว่า “A crisis is a terrible thing to waste.”

คำแนะนำล่าสุดจากกูรูการตลาด ในฐานะอาจารย์คนดังด้านการตลาด ของ Kellogg School of Business แห่งNorthwestern University คือ “ไปในที่ที่เศรษฐกิจกำลังโตอย่างเฟื่องฟู”

หนีไม่พ้นว่า คือ จีน ตะวันออกไกล อาเซียน และ บ้านเรา

จึงไม่ต้องสงสัยว่า คอตเลอร์ เตรียมจะกลับมาเมืองไทยปีหน้า เพื่อทำกิจกรรมใหญ่ที่เรียกว่า World Marketing Summitหรือประชุม “สุดยอดการตลาด”

หากระดมสรรพกำลังคนไทยในทุกๆ ด้าน ให้พร้อมเพรียง เราก็สามารถเป็น “ศูนย์กลาง” แห่งการแลกเปลี่ยนการตลาดยุค Marketing 4.0 ได้

ผมถาม คอตเลอร์ ว่า เจอสูตร Marketing 4.0 หรือยัง?

เขาบอกว่า “ขอบคุณที่ขยายความให้ Good Works! เป็นการต่อยอด Marketing 3.0 ของผม...ผมมีการบ้านจะต้องทำต่อแล้ว หลังจากกลับจากกรุงเทพฯ รอบนี้!”

ขอบคุณ http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/suthichaiyoon/20130307/493683/จับเข่าคุยกับ-Philip-Kotler-ค้นหาสูตร-Marketing-4.0.html (ขนาดไฟล์: 167)

ที่มา: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์/มูลนิธิพัฒนาคนพิการไทย 6 มี.ค.56
วันที่โพสต์: 7/03/2556 เวลา 03:56:10

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

กูรูการตลาดระดับโลก ฟิลิป คอตเลอร์ มาเมืองไทยคราวนี้ เครือเดอะเนชั่น “จัดเต็ม” เพื่อให้นักการตลาดของไทย ได้สัมผัสกับแนวคิดการตลาดที่ล้ำหน้า คืบจาก Marketing 3.0 และแลกเปลี่ยนแนวคิดแห่งหลักปฏิบัติการตลาดล่าสุด เพื่อให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงทุกจังหวะเวลา “ห้าปีจากนี้ไป หากคุณยังอยู่ในธุรกิจเดิมอย่างที่ทำอยู่วันนี้ คุณก็เสี่ยงที่จะหมดสภาพ”เขาเขียนไว้เป็นคำเตือนสำหรับคนยุคที่กำลังเผชิญกับการปรับเปลี่ยนรวดเร็วและรุนแรงอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ผมนั่งลงสนทนากับคอตเลอร์วัย 84 ที่ยังคึกคักแจ่มใส ถามไถ่ถึงแนวโน้มการตลาดล่าสุด ที่มี Social Media เข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญ “คุณรู้ไหมว่าโลกนี้มีประชากร 7 พันล้านคน แต่การตลาดรับใช้เพียงแค่ 2 พันล้านคนเท่านั้น ที่เหลือยังไม่ได้ประโยชน์จากการตลาดเท่าไรนัก เรามีหน้าที่จะต้องทำให้ชนชั้นกลางและชนชั้นล่างมีวิถีชีวิตที่ดีขึ้นด้วยการตลาด” เขาบอกผมด้วยสีหน้าเคร่งขรึม คอตเลอร์ บอกว่า การตลาดได้ปรับเปลี่ยนจากเดิมที่เน้นเรื่องตัวสินค้า หรือ productเป็นการเน้นที่ลูกค้า หรือ customer และขยับปรับมาให้ความสำคัญกับยี่ห้อ หรือ brandและวันนี้การตลาดจะต้องตอกย้ำ value management หรือ การบริหารคุณค่าที่เน้นเรื่องของ “จิตวิญญาณ” หรือ human spirit มากขึ้น วันนี้นักการตลาดที่จะประสบความสำเร็จได้ จะต้องแสวงหาสมดุลระหว่างการสร้างกำไรให้ธุรกิจพร้อมๆ กับการจ่ายปันผลคืนแก่สังคมในโลกแห่งความเป็นจริง “แต่ก่อนนี้การตลาดทำเรื่องสร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้นเพื่อให้ดูดี ให้คนพูดถึงอย่างชื่นชม แต่วันนี้การทำความดีความถูกต้องสำหรับธุรกิจเป็นเรื่องต้องทำ” คอตเลอร์ยิ้ม พร้อมกับบอกว่าการตลาดมีทั้งเรื่องกาย ใจ และ จิต เป็นการบูรณาการการตลาดและกิจกรรมเพื่อสังคมให้เป็นส่วนหนึ่งของเป้าหมายทางธุรกิจ ใครจะสำเร็จในแวดวงธุรกิจยุคใหม่นี้ได้ ต้องเปลี่ยนปรัชญาจาก What’s good for business is good for society มาเป็น What’s good for society is good for business. แปลว่า คนทำธุรกิจต้องมองให้ทะลุ แต่ก่อนอาจจะมองว่าอะไรที่ดีสำหรับธุรกิจ ก็จะดีสำหรับสังคม แปลว่า เอาผลประโยชน์ของธุรกิจเป็นตัวตั้ง แต่วันนี้คิดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะว่าผู้บริโภคจะต่อต้านบริษัทที่ไม่สนใจสิ่งแวดล้อมหรือไม่ยุติธรรมต่อแรงงาน หรือสังคมเป็นส่วนรวม จึงต้องเปลี่ยนมาคิดและทำแบบ “อะไรที่ดีกับสังคมจึงจะดีสำหรับธุรกิจ” พูดง่ายๆ ชัดๆ ก็คือ ความสำนึกต่อสังคมจะต้องเป็นหัวใจของการทำธุรกิจจากนี้ไป และคนรวยจะต้องจ่ายภาษีมากขึ้น ธุรกิจจะต้องสร้างกำไรพร้อมๆ กับการทำกิจกรรมคืนสังคมในทุกๆ ครั้ง หาไม่แล้วก็จะไม่สามารถอยู่ได้อย่างยั่งยืน และสังคมก็จะไม่ยอมรับ นั่นคือ หัวข้อหลักของหนังสือเล่มที่ชื่อ Good Works! ของ คอตเลอร์ ก่อนจะเขียนเล่มล่าสุด ชื่อ 8 Ways to Win : Market Your Way to Growth ที่แปลเป็นภาษาไทยโดย NationBooks ของบริษัท NINE ของเครือเนชั่นแล้ว คอตเลอร์ บอกว่า ความผันผวนมิใช่สิ่งที่เลวร้ายเสมอไป ใครที่คิดเป็น ทำเป็น จะต้องรู้จักฉกฉวยโอกาสจากวิกฤติ “อย่าให้วิกฤติผ่านไป โดยที่คุณไม่สร้างประโยชน์จากมัน” เขาบอก โดยเน้นว่า “A crisis is a terrible thing to waste.” คำแนะนำล่าสุดจากกูรูการตลาด ในฐานะอาจารย์คนดังด้านการตลาด ของ Kellogg School of Business แห่งNorthwestern University คือ “ไปในที่ที่เศรษฐกิจกำลังโตอย่างเฟื่องฟู” หนีไม่พ้นว่า คือ จีน ตะวันออกไกล อาเซียน และ บ้านเรา จึงไม่ต้องสงสัยว่า คอตเลอร์ เตรียมจะกลับมาเมืองไทยปีหน้า เพื่อทำกิจกรรมใหญ่ที่เรียกว่า World Marketing Summitหรือประชุม “สุดยอดการตลาด” หากระดมสรรพกำลังคนไทยในทุกๆ ด้าน ให้พร้อมเพรียง เราก็สามารถเป็น “ศูนย์กลาง” แห่งการแลกเปลี่ยนการตลาดยุค Marketing 4.0 ได้ ผมถาม คอตเลอร์ ว่า เจอสูตร Marketing 4.0 หรือยัง? เขาบอกว่า “ขอบคุณที่ขยายความให้ Good Works! เป็นการต่อยอด Marketing 3.0 ของผม...ผมมีการบ้านจะต้องทำต่อแล้ว หลังจากกลับจากกรุงเทพฯ รอบนี้!” ขอบคุณ http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/suthichaiyoon/20130307/493683/จับเข่าคุยกับ-Philip-Kotler-ค้นหาสูตร-Marketing-4.0.html

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...