เลี้ยง'ด้วงสาคู'ในกะละมังรายได้งาม

แสดงความคิดเห็น

เลี้ยง 'ด้วงสาคู' ในกะละมัง อาชีพเสริมสร้างรายได้งาม : โดย...ธรณิศวร์ พิรุณละออง

"ด้วงสาคู" จัดว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่ง ที่มีผู้เพาะเลี้ยงเพื่อการพาณิชย์เป็นจำนวนมาก มีทั้งยึดเป็นอาชีพหลัก และอาชีพเสริม เนื่องจากด้วงสาคู หรือแมงหวังนั้น จำหน่ายในราคาสูง อยู่ที่กิโลกรัมละ 250-300 บาท สร้างเม็ดเงินให้แก่ผู้เพาะเลี้ยงได้เป็นอย่างดี จนบางรายจากที่เลี้ยงเป็นอาชีพเสริมก็ยึดเป็นอาชีพหลัก อย่าง "สังวรณ์ มะลิวรรณ" วัย 48 ปี เกษตรกรชาวสวนยางพาราบ้านหูแร่ ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ผ่านการลองผิดลองถูกหลายครั้ง จนลงเอยด้วยการเลี้ยงในกะละมังพลาสติกสร้างรายได้เสริมอย่างงาม

"สังวรณ์" เล่าย้อนอดีตว่า ก่อนที่จะหันหน้ามาเพาะเลี้ยงด้วงสาคูเป็นอาชีพเสริมนั้น เมื่อประมาณ 3 ปีเศษที่ผ่านมา ได้รับความรู้การเพาะเลี้ยงด้วงสาคูจากการรับชมรายการทางโทรทัศน์ จากนั้นก็เริ่มสนใจและทดลองเลี้ยงดู โดยเริ่มลงทุนหาซื้อพ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคู หรือที่ชาวบ้านในพื้นที่เรียกว่า "แมงหวัง" มาจาก อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ในราคาตัวละ 3 บาท ประมาณ 1,000 ตัว

"หลังจากได้พ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคูมาแล้ว ผมก็นำมาปล่อยเลี้ยงกับต้นสาคูที่ตัดเป็นท่อนๆ ที่นำมาวางเรียงไว้ก่อนหน้านั้น แต่ต้องประสบปัญหาเรื่องความชื้นในต้นสาคูค่อนข้างสูง สภาพอากาศ ความชื้น ไม่เหมาะสมกับการเจริญเติบโต อีกทั้งผมยังเป็นผู้เลี้ยงมือใหม่ ทำให้ผลผลิตตัวอ่อนของด้วงไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้" สังวรณ์ เล่า

พร้อมยอมรับว่า ต่อจากนั้นก็ลองผิดลองถูกวิธีการเพาะเลี้ยงหลายครั้ง แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร กระทั่งมาลงเอยที่การเพาะเลี้ยงด้วงด้วย กะละมังพลาสติก ที่นำวางเรียงไว้ในโรงเพาะเลี้ยง ซึ่งระยะแรกเลี้ยงด้วยการใช้ทางปาล์มน้ำมันมาบดใส่กะละมังแล้วปล่อยพ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคูลงไป แต่ปรากฏว่าให้ผลผลิตตัวอ่อนไม่เป็นที่น่าพอใจนัก อีกทั้งรสชาติความอร่อยสู้ตัวอ่อนด้วงที่เลี้ยงด้วยต้นสาคูไม่ได้ เพราะมีรสชาติอร่อย หอม หวาน มัน และมีโปรตีนสูงกว่า

ในที่สุดจึงหันมาเลี้ยงด้วย ต้นสาคู ที่หาซื้อมาจากละแวกใกล้บ้านในราคาต้นละ 200 บาท มาบดผสมกับอาหารหมู เพื่อให้เติบโตเร็วขึ้น ใส่น้ำลงไปผสมส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มความชื้น จากนั้นตักใส่กะละมัง ก่อนปล่อยพ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคูกะละมังละ 10 ตัว รอประมาณ 1 เดือน ก็จะสามารถเก็บตัวอ่อนออกจำหน่ายได้

"ช่วงที่กำลังเลี้ยงต้องคอยดูเรื่องความชื้นในกะละมังให้เหมาะสมอยู่ตลอด เพราะความชื้นเป็นตัวแปรที่จะทำให้ตัวอ่อนเติบโตเร็ว ที่สำคัญเปอร์เซ็นต์การรอดตายของตัวอ่อนด้วงอยู่ที่ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม และหากอาหารในกะละมังเริ่มแห้งก็คอยฉีดพรมน้ำเพิ่มความชื้นให้ ซึ่งทุกวันนี้แม้การเลี้ยงด้วงจะเป็นอาชีพเสริม แต่ก็สร้างรายได้เข้าครอบครัวได้เป็นอย่างดี ไม่แพ้รายได้จากการทำสวนยางพารา"

สังวรณ์ บอกอีกว่า ตอนนี้มีด้วงสาคูที่เพาะเลี้ยงอยู่ประมาณ 500 กะละมัง ในอนาคตคาดว่าจะขยับขยายการเลี้ยงเพิ่มขึ้น จนคิดไว้ว่าจะยึดเป็นอาชีพหลักด้วย เนื่องจากสร้างรายได้ดีมาก ซึ่งจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 250 บาท และลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นลูกค้าทั่วไปที่ชอบบริโภค บางครั้งก็จะมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อไปจำหน่ายต่อก็มี ส่วนกากอาหารด้วงในกะละมัง หลังจากเก็บตัวอ่อนไปจำหน่ายแล้ว จะไม่นำไปทิ้งให้เสียของ โดยจะนำมากองเก็บไว้เพื่อทำเป็นปุ๋ยหมักนำไปใส่ต้นไม้ เรียกว่านำมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

สำหรับท่านใดที่สนใจอยากจะปรึกษาเรื่องการเพาะเลี้ยงด้วงสาคูในแบบฉบับของ "สังวรณ์ มะลิวรรณ" รวมถึงต้องการซื้อตัวอ่อนด้วงสาคู สามารถติดต่อได้ที่ 149/4 หมู่ 3 บ้านหูแร่ ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หรือโทรศัพท์สอบถามที่หมายเลข 08-0035-0204 ซึ่งสังวรณ์บอกยินดีให้ความรู้แก่ทุกคน

(เลี้ยง 'ด้วงสาคู' ในกะละมัง อาชีพเสริมสร้างรายได้งาม : โดย...ธรณิศวร์ พิรุณละออง)

ที่มา: คมชัดลึกออนไลน์ 25 ก.ย.2555
วันที่โพสต์: 1/10/2555 เวลา 11:13:06

ชอบเรื่องนี้ไหม? ชอบ ไม่ชอบ ไม่มีความเห็น

สถิติความสนใจ

ชอบ: 10 คน (100%)

ไม่ชอบ: 0 คน (0%)

ไม่มีความเห็น: 0 คน (0%)

จำนวนคนโหวตทั้งหมด: 10 คน (100%)

แสดงความคิดเห็น

รอตรวจสอบ
จัดฟอร์แม็ต ดูการแสดงผล

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

รอตรวจสอบ

ยกเลิก

รายละเอียดกระทู้

เลี้ยง 'ด้วงสาคู' ในกะละมัง อาชีพเสริมสร้างรายได้งาม : โดย...ธรณิศวร์ พิรุณละออง "ด้วงสาคู" จัดว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่ง ที่มีผู้เพาะเลี้ยงเพื่อการพาณิชย์เป็นจำนวนมาก มีทั้งยึดเป็นอาชีพหลัก และอาชีพเสริม เนื่องจากด้วงสาคู หรือแมงหวังนั้น จำหน่ายในราคาสูง อยู่ที่กิโลกรัมละ 250-300 บาท สร้างเม็ดเงินให้แก่ผู้เพาะเลี้ยงได้เป็นอย่างดี จนบางรายจากที่เลี้ยงเป็นอาชีพเสริมก็ยึดเป็นอาชีพหลัก อย่าง "สังวรณ์ มะลิวรรณ" วัย 48 ปี เกษตรกรชาวสวนยางพาราบ้านหูแร่ ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่ผ่านการลองผิดลองถูกหลายครั้ง จนลงเอยด้วยการเลี้ยงในกะละมังพลาสติกสร้างรายได้เสริมอย่างงาม "สังวรณ์" เล่าย้อนอดีตว่า ก่อนที่จะหันหน้ามาเพาะเลี้ยงด้วงสาคูเป็นอาชีพเสริมนั้น เมื่อประมาณ 3 ปีเศษที่ผ่านมา ได้รับความรู้การเพาะเลี้ยงด้วงสาคูจากการรับชมรายการทางโทรทัศน์ จากนั้นก็เริ่มสนใจและทดลองเลี้ยงดู โดยเริ่มลงทุนหาซื้อพ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคู หรือที่ชาวบ้านในพื้นที่เรียกว่า "แมงหวัง" มาจาก อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ในราคาตัวละ 3 บาท ประมาณ 1,000 ตัว "หลังจากได้พ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคูมาแล้ว ผมก็นำมาปล่อยเลี้ยงกับต้นสาคูที่ตัดเป็นท่อนๆ ที่นำมาวางเรียงไว้ก่อนหน้านั้น แต่ต้องประสบปัญหาเรื่องความชื้นในต้นสาคูค่อนข้างสูง สภาพอากาศ ความชื้น ไม่เหมาะสมกับการเจริญเติบโต อีกทั้งผมยังเป็นผู้เลี้ยงมือใหม่ ทำให้ผลผลิตตัวอ่อนของด้วงไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้" สังวรณ์ เล่า พร้อมยอมรับว่า ต่อจากนั้นก็ลองผิดลองถูกวิธีการเพาะเลี้ยงหลายครั้ง แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร กระทั่งมาลงเอยที่การเพาะเลี้ยงด้วงด้วย กะละมังพลาสติก ที่นำวางเรียงไว้ในโรงเพาะเลี้ยง ซึ่งระยะแรกเลี้ยงด้วยการใช้ทางปาล์มน้ำมันมาบดใส่กะละมังแล้วปล่อยพ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคูลงไป แต่ปรากฏว่าให้ผลผลิตตัวอ่อนไม่เป็นที่น่าพอใจนัก อีกทั้งรสชาติความอร่อยสู้ตัวอ่อนด้วงที่เลี้ยงด้วยต้นสาคูไม่ได้ เพราะมีรสชาติอร่อย หอม หวาน มัน และมีโปรตีนสูงกว่า ในที่สุดจึงหันมาเลี้ยงด้วย ต้นสาคู ที่หาซื้อมาจากละแวกใกล้บ้านในราคาต้นละ 200 บาท มาบดผสมกับอาหารหมู เพื่อให้เติบโตเร็วขึ้น ใส่น้ำลงไปผสมส่วนหนึ่งเพื่อเพิ่มความชื้น จากนั้นตักใส่กะละมัง ก่อนปล่อยพ่อแม่พันธุ์ด้วงสาคูกะละมังละ 10 ตัว รอประมาณ 1 เดือน ก็จะสามารถเก็บตัวอ่อนออกจำหน่ายได้ "ช่วงที่กำลังเลี้ยงต้องคอยดูเรื่องความชื้นในกะละมังให้เหมาะสมอยู่ตลอด เพราะความชื้นเป็นตัวแปรที่จะทำให้ตัวอ่อนเติบโตเร็ว ที่สำคัญเปอร์เซ็นต์การรอดตายของตัวอ่อนด้วงอยู่ที่ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม และหากอาหารในกะละมังเริ่มแห้งก็คอยฉีดพรมน้ำเพิ่มความชื้นให้ ซึ่งทุกวันนี้แม้การเลี้ยงด้วงจะเป็นอาชีพเสริม แต่ก็สร้างรายได้เข้าครอบครัวได้เป็นอย่างดี ไม่แพ้รายได้จากการทำสวนยางพารา" สังวรณ์ บอกอีกว่า ตอนนี้มีด้วงสาคูที่เพาะเลี้ยงอยู่ประมาณ 500 กะละมัง ในอนาคตคาดว่าจะขยับขยายการเลี้ยงเพิ่มขึ้น จนคิดไว้ว่าจะยึดเป็นอาชีพหลักด้วย เนื่องจากสร้างรายได้ดีมาก ซึ่งจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 250 บาท และลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นลูกค้าทั่วไปที่ชอบบริโภค บางครั้งก็จะมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อไปจำหน่ายต่อก็มี ส่วนกากอาหารด้วงในกะละมัง หลังจากเก็บตัวอ่อนไปจำหน่ายแล้ว จะไม่นำไปทิ้งให้เสียของ โดยจะนำมากองเก็บไว้เพื่อทำเป็นปุ๋ยหมักนำไปใส่ต้นไม้ เรียกว่านำมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด สำหรับท่านใดที่สนใจอยากจะปรึกษาเรื่องการเพาะเลี้ยงด้วงสาคูในแบบฉบับของ "สังวรณ์ มะลิวรรณ" รวมถึงต้องการซื้อตัวอ่อนด้วงสาคู สามารถติดต่อได้ที่ 149/4 หมู่ 3 บ้านหูแร่ ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา หรือโทรศัพท์สอบถามที่หมายเลข 08-0035-0204 ซึ่งสังวรณ์บอกยินดีให้ความรู้แก่ทุกคน (เลี้ยง 'ด้วงสาคู' ในกะละมัง อาชีพเสริมสร้างรายได้งาม : โดย...ธรณิศวร์

จัดฟอร์แม็ตข้อความและมัลติมีเดีย

  1. เพิ่ม
  2. เพิ่ม ลบ
  3. เพิ่ม ลบ
  4. เพิ่ม ลบ
  5. เพิ่ม ลบ
  6. เพิ่ม ลบ
  7. เพิ่ม ลบ
  8. เพิ่ม ลบ
  9. เพิ่ม ลบ
  10. ลบ
เลือกการตกแต่งที่ต้องการ

ตกลง ยกเลิก

รายละเอียดการใส่ ลิงค์ รูปภาพ วิดีโอ เพลง (Soundcloud)

Waiting...